28/8/52

Orange Crème Caramel



หอมกลิ่นส้ม กันบ้างไหมคะ .... วันนี้ทำขนมง่าย ๆ มาให้เพื่อน ๆ ทดลองทำกันอีกแล้วนะคะกับ " Orange Crème Caramel " Smiley ครีมคาราเมลส้มค่ะ วันนี่จะมีแขกมาบ้านค่ะ ตอนเช้าก็เปิดตู้เย็นดูว่าจะทำอะไรได้บ้างเพื่อรับแขก แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นนมขนาดสองลิตรที่กำลังจะหมดอายุอีกใน 3 วัน





ชะอุ๋ย .... แบบนี้ต้องหาทางใช้ซะแล้ว ตอนแรกคิดอยากจะทำ เครมบูเล่ ค่ะ แต่ก็เคยทำไปแล้วอยากทดลองทำอะไรใหม่ ๆ บ้างดีกว่า ทำขนมง่าย ๆ นี่แหละ จำได้ว่ามีสูตรง่าย ๆน่าทดลองจาก หนังสือ Williams-Sonoma Essentials of Baking: Recipes and Techniques for Succcessful Home Baking (Williams Sonoma Essentials) ค่ะ ซื้อมาตั้งแต่ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา อ่านผ่าน ๆ เห็นสูตร " Orange Crème Caramel " ดูแล้วน่าทานดีค่ะ ในตู้เย็นก็มีส้มซันคิสต์อยู่แล้ว ไม่รอช้าค่ะทำกันเลยดีกว่า หน้าตาของหนังสือค่ะ เผื่อใครอยากซื้อมาไว้อ่าน เล่มนี้ภาพสวยดีทีเดียวค่ะ ... เอาไว้เดี๋ยวจะรีวิวนะคะ





Orange Crème Caramel

From : Williams-Sonoma Essentials of Baking: Recipes and Techniques for Succcessful Home Baking (Williams Sonoma Essentials)

Makes : 8 servings (3/4 Cup (6-fl oz/180 ml.) Remekins cups

For the caramel

น้ำตาลทราย 155 กรัม

น้ำ 60 มล.

Light Corn Syrup หรือน้ำมะนาว 1/2 ช้อนชา

For the custard

นมสด หรือ Half cream 750 มล.

ไข่ไก่ 6 ฟอง (หรือ ไข่ไก่ 4 ฟองกับไข่แดง 4 ฟอง)

น้ำตาลทราย 155 กรัม

ผิวส้ม 2 ช้อนโต๊ะ (ประมาณ 2 ลูก) (จากสูตรเดิมใช้ 1 ชต.)

เกลือ 1/8 ช้อนชา

เหล้าควอนโทร 2 ช้อนโต๊ะ (หรือเหล้ากลิ่นส้มชนิดใดก็ได้)


ขั้นตอนการทำ

เริ่มจากการเตรียมพิมพ์ก่อนนะคะ เตรียมถ้วยเรเมกินขนาด 180 ml. จำนวน 8 ถ้วย ถ้าไม่มีก็สามารถใช้ถ้วยชนิดอื่นแทนได้ค่ะ เกดใช้เป็น เรเมกิน 4 ถ้วย แล้วก็ถ้วยอลูมิเนียมอีก 6 ถ้วยค่ะ

แล้วก็เริ่มทำน้ำตาลคาราเมลก่อนนะคะ นำน้ำตาลและน้ำใส่หม้อ เติมคอร์นไซรัป หรือน้ำมะนาวก็ได้ค่ะ นำขึ้นตั้งไฟกลาง ตรงนี้สามารถคนได้นะคะ พอน้ำตาลละลายหมดก็หยุดคนค่ะ แต่ว่าเวลาที่เกดทำเกดไม่คนค่ะใช้แกว่งหม้อแทนค่ะ ในสูตรนี้ใช้น้ำเยอะค่ะ ไม่ต้องกลัวว่าน้ำตาลจะไหม้เร็วเกินไป พอน้ำตาลเริ่มเปลี่ยนสีก็เตรียมเทใส่ลงในถ้วยได้แล้วค่ะ ถ้าทิ้งไว้นานเกินก็จะขมขึ้นนะคะ ตอนที่เทก็ต้องระวังความร้อนจากน้ำตาลด้วยนะคะ





เทใส่พิมพ์ไว้สักครู่น้ำตาลก็จะเริ่มแข็งค่ะ ..... ตอนนี้ไปเปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 165 องศาเซลเซียส และก็เตรียมถาดสำหรับอบนะคะ ให้มีขอบสูงประมาณ 2 นิ้วก็ได้ค่ะ เพราะว่าเวลาอบเราจะใส่น้ำลงไปอบด้วยค่ะ เตรียมถาดโดยการวางผ้าเช็ดมือรองไว้ในถาดแล้วเติมน้ำลงไปประมาณ 1 นิ้วค่ะ





พอเริ่มทำคัสตาร์ดก็เริ่มจากต้มนมสดในหม้อด้วยไฟกลางค่ะ ต้มนมแค่ให้พอมีฟองขอบ ๆ หม้อก็พอนะคะ ใครจะใช้เป็นนมครึ่งนึงกับวิปครีมครึ่งนึงก็ได้นะคะ ระหว่างต้มนมเราก็มาขูดผิวส้ม เตรียมไว้ได้เลยนะคะ เกดใช้ 2 ลูกค่ะ ก็จะได้ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะค่ะ





ตอกไข่ใส่ชามค่ะ สามารถใช้ไข่ไก่ 6 ฟองแทนด้วยไข่ไก่ 4 ฟองกับไข่แดง 4 ฟองค่ะ เพื่อความเข้มข้นขึ้นค่ะ เกดใช้แบบใส่ไข่แดงเพิ่มนะคะจะได้ออกแนวเข้มข้นขึ้นค่ะ ... ที่จริงอ้วนขึ้นต่างหาก





ใส่น้ำตาลคนให้เข้ากัน ใส่เกลือตามลงไป ... คนให้เข้ากัน





จากนั้นก็ใส่ผิวส้มที่เราขูดไว้ใส่ลงไปคนให้เข้ากันนะคะ





ตอนนี้นมในหม้อก็เริ่มมีพรายฟองข้าง ๆ หม้อแล้วค่ะ ก็จัดการเทนมลงในส่วนของไข่แดงที่เตรียมไว้ ระหว่างเทก็ใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากันนะคะ





จากนั้นก็ใส่เหล้าส้มลงไปค่ะ ..... เริ่มเมาแล้วค่ะ





จากนั้นทำการกรองเอาผิวส้มออกด้วยกระชอนตาถี่ค่ะ.... ก่อนเทใส่พิมพ์นะคะ





นำเข้าอบที่ 165 องศาเซลเซียสค่ะ นานประมาณ 30-40 นาที ซึ่งก็ต้องแล้วแต่ขนาดพิมพ์ด้วยนะคะ เวลาดูว่าสุกหรือยังสังเกตุดูได้นะคะว่าผิวของคัสตาร์ดจะเริ่มตึงตัวค่ะ เวลาเขย่าพิมพ์ดูแล้วจะไม่เหลวค่ะ อย่าลืมเอาน้ำใส่ถาดที่จะอบด้วยนะคะ .... อบสุกออกมาแล้วค่ะ





ปกติควรจะนำไปแช่ตู้เย็นก่อนทานสัก 3 ชั่วโมงขึ้นไปนะคะ แต่ว่าตอนที่ถ่ายรูปนี่ยังอุ่น ๆ อยู่เลยค่ะ ไม่ได้เอาไปเข้าตู้เย็น จะเห็นว่าคัสตาร์ดยังไม่เซตตัวดีเท่าไหร่ค่ะ เพราะว่าเดี๋ยวตอนเย็นเพื่อน ๆ พี่หนุ่มจะมาที่บ้านค่ะ กลัวขนมหมดซะก่อนก็เลยรีบถ่ายรูป





แกะออกจากพิมพ์ยากนิดนึงค่ะ ใช้มีดปลายแหลมแซะออกนะคะ ... แต่เมื่อกี๊ตอนที่ทำให้แขกทานก็แซะออกง่ายกว่าค่ะ ถ้าแช่เย็นให้เซ็ตตัวดีแล้ว แล้วที่เป็นถ้วยเรเมกินก็แซะออกได้ง่ายกว่าถ้วยอลูมิเนียมนะคะ





มาหม่ำด้วยกันซักคำนะคะ .... คัสตาร์ดไม่หวานมาก เข้ากันกับคาราเมลหอม ๆ ขมนิด ๆ ถ้าใครชอบให้หวานก็เติมน้ำตาลเพิ่มไปได้นะคะ ลองชิมตอนที่ก่อนจะเทใส่พิมพ์ค่ะ





Special Thanks To ...

สูตรจาก หนังสือ Williams-Sonoma Essentials of Baking: Recipes and Techniques for Succcessful Home Baking (Williams Sonoma Essentials)

ขอบคุณพี่ตา ผ้าไหมไทยนะคะ ที่ส่ง Microplane มาให้ค่ะ

ขอบคุณเพื่อนทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมเยียนกันทุก ๆ คนนะคะ BYE BYE ....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น