13/7/58

+++ Korea Trip ... การไปเรียนบีบบัตเตอร์ครีมดอกไม้สไตล์เกาหลี ตอนที่ 3 +++

เดินทางมาถึงตอนที่ 3 แล้วนะคะ วันนี้เป็นวันที่ 3 ของการเรียน ดอกไม้ที่มี๊เรียนวันนี้มี Ranunculus, Crysanthemum, Peony, Lisianthus, Berry



วันจันทร์ของที่เกาหลี ... ไม่มีอาจุมม่าทำกับข้าวให้ทาน ที่โรงแรมเป็น Business Hotel วันจันทร์ก็เลยดูเหมือนเป็นวันที่เงียบเหงา แขกทยอยเชคเอาท์กันออกไป แขกใหม่ก็ยังไม่ได้เข้ามา เช้านี้อาหารตอนเช้าก็จะเป็นคอร์นเฟลค ขนมปัง นม กาแฟ ส่วนข้าวเช้าที่เคยมีก็กลับกลายเป็นมาม่าเกาหลี .... กรี๊ดดดดดด  เอาข้าวเช้าชั้นคืนมา วันนี้มี๊เลยอาศัยขนมปังปิ้งเป็นข้าวเช้า



เช่นเดิมเหมือนกิจวัตรทุก ๆ วัน คุณครูก็มารับที่โรงแรม ไปถึงสตูดิโอก็ตีครีม มี๊ก็คุยกับลูกตามเรื่องตามราว ครีมเสร็จก็เริ่มบีบกุหลาบเช่นเดิม  ...  แต่เหมือนหายนะมาเยือน บีบไม่ได้ อร๊ากกกกก  ทำยังไงก็บีบไม่ได้ชะรอยวันนี้จะเป็นวันมือตก พี่สาวที่ไปด้วยกันก็เป็นเหมือนกับมี๊เลย บีบไม่ได้กันทั้งคู่ นั่งมองหน้ากันตาปริบ ๆ เป็นอะไรไปกันทั้งคู่



นั่งมองหน้ากันสักพัก ครูก็คงจะงงว่าอิป้าสองคนเป็นอะไร มี๊ก็พูดกับพี่สาวว่า สงสัยเป็นเพราะว่าเราไม่ได้กินข้าวเช้ากันแน่ ๆ ปกติจะซ้อมกันประมาณ 2-3 ดอกก็ผ่านแล้ว วันนี้ปาไป 7 ดอก ครีมก็เริ่มจะไปแล้ว อิสองป้าก็ยังไม่ได้เลยบอกกับครูว่าไปบีบดอกอื่นเถอะ ถ้าจะรอให้บีบได้วันนี้อาจจะไม่ได้เรียน  คิดถึงตอนที่เวลาสอนแล้วนักเรียนบีบไม่ได้ เค้าคงมีความรู้สึกแบบเดียวกับมี๊แน่ ๆ 

พอเริ่มของวันบีบไม่ได้ก็เหมือนจะเป็นวันซวยมาเยือน เริ่มดอกแรกเป็น เรนันคูลัส ดอกนี้อาจไม่คุ้นหูกับใครหลาย ๆ คนนะคะ เรนันคูลัสเป็นดอกไม้กลีบบางมีหลากหลายสีค่ะ บางครั้งที่เชียงใหม่จะมีขายนะคะ ร้านที่กาดดอกไม้จะนำเข้ามาจากคุนหมิงค่ะ ราคาไม่สูงมากกำนึงประมาณ 200-300 บาท นำมาจัดเป็นได้แจกันนึงเต็ม ๆ ค่ะ



เครดิตภาพจากกูเกิลนะคะ

พอมาบีบเป็นบัตเตอร์ครีม ก็จะเป็นสไตล์นี้ค่ะ อาจจะต้องรอดูเวลาที่เราบีบสีเข้าไปจะเห็นเป็นรูปเป็นร่างมากกว่านี้นะคะ



มาถึงเวลานี้ สองป้าก็ยังคงมือตก จนครูต้องหาของเบรคมาให้ เป็นวาฟเฟิลชุบชอคโกแลตกับกาแฟร้อน



พอมือตกก็เหมือนว่าอะไรไม่ได้ดั่งใจเลยสักอย่าง พอเริ่มบีบแรกไม่ได้ ดอกที่สองและดอกต่อ ๆ ไปก็กลายเป็นว่างง สมงสมองไม่รับอะไรใหม่เลย ครูสอนให้บีบ Peony (โบตั๋น) ไอ้เราก็บีบเป็นอะไรไปก็ไม่รู้ ครูสอนทั้งโบตั๋นแบบตูม และแบบบาน เอาภาพแบบบานมาให้ ที่เห็นลิบ ๆ อยู่ด้านหลังเป็นของครู ดอกด้านหน้าที่เละ ๆ นี่มี๊บีบเอง 5555



Crysanthemum หรือว่าดอกเบญจมาศ ปกติก็บีบอยู่ มาเจอของครูวันนี้ถึงกับงง ซ้อนกันเป็นสิบชั้น โอ้แม่เจ้า ... บีบไปก็บ่นไป ปาดทิ้งไปหลายรอบ ครีมเหลวบีบไม่ได้ต้องเอาไอซ์แพคมารอง ....  ทำแล้วก็ไม่สวยถูกใจครู น้ำตาตกใน ดีที่สุดได้เท่านี้ วันนี้เหมือนมี๊จะถอดใจเลยจริงๆ



ถึงจะเซ็งจะถอดใจยังไงก็ตาม กองทัพก็ต้องเดินด้วยท้อง คิดอะไรไม่ออกก็ต้องทานข้าว วันนี้ทานข้าวเนื้อบุลโกกิ ... อัดข้าวเข้าไป เผื่อชีวิตจะดีขึ้น



ใบสีเขียวๆ ที่อยู่บนข้าวคือใบงานะคะ ที่เกาหลีนิยมทานกับเนื้อย่าง ไปที่ร้านไหนจะต้องเจอผักสลัดกับใบงาค่ะ




แอบถ่ายของครู ครูก็สั่งเป็นจัมปงแต่ไหงสีมันไม่ได้แดงเลือดสาดเหมือนของมี๊ที่สั่งเมื่อวาน ถามครู...ครูตอบว่าอันนี้แบบปกติ ของที่สั่งเมื่อวานเป็นแบบเผ็ด ฮือออออ ... โหยหวนหนักมาก ก็มันเผ็ดจริงๆ นี่คะ



ทานข้าวเสร็จก็เหมือนพอจะมีอะไรดีขึ้นมาบ้าง .... แต่ก็ยังไม่ดีเช่นเดิม งานบีบเป็นไปได้ช้าจนต้องวางทั้งมือถือ วางทั้งกล้อง ตั้งหน้าตั้งตาบีบอย่างเดียว พยายามแม้ว่าจะไม่ดี ครูมาช่วยบีบกุหลาบไว้ให้ บีบมัมไว้ให้ บีบให้ประมาณ 5-6 ดอก จากนั้นก็ถึงเวลาจัด วันนี้จัดเป็นแบบทรงกลมเต็มหน้าเค้ก

เค้กวันนี้เป็นเค้กจริงค่ะเป็นสปองจ์เค้ก ซึ่งในสูตรที่ครูให้ก็จะไม่ใส่เอสพี ไม่ใส่โอวาเล็ต ตอนที่จัดดอกไม้ลงบนเค้กมี๊ก็พยายามเลี่ยงไม่ใช้ของที่ครูบีบไว้ให้ ใจแบบว่าไม่สวยไม่เป็นไร ชั้นขอเอาของชั้นเอง



เวลาที่ดอกไม้มาอยู่รวมๆกันมันก็จะดูสวยไปเองนั่นแหละ 555 เข้าข้างตัวเอง มุมไหนที่มันบาน เราก็วางไว้ด้านล่าง มุมที่ไม่บานก็จะโดนอีกดอกมาทับ ดูกลมกลืนไปโดยปริยาย



ดอกมัมเจ้าปัญหาเวลาเอามาวางแล้วก็พอดูกลมกลืนไป หากได้กลับมาฝึกอีกหน่อยน่าจะดูดีกว่านี้ ไลเซียนทัสสีม่วงเข้มก็ดูลึกลับดี



เรนันคูลัสสีม่วง โคลสพีโอนี่ โอเพนพีโอนี่สีชมพู ทำเองจ้า แต่กุหลาบที่สวยๆ ไม่ได้ทำเองนะคะ



อันนี้เป็นของพี่สาวที่ไปเรียนด้วยกัน สีฟ้าคลาสสิค สวยเนอะ



กับผลงานวันนี้ทำเองจริงๆ แค่ประมาณ 75% อีก 25% ครูช่วยชีวิตไว้ด้วยดอกกุหลาบ ถ้าไม่มีอาจจะไม่ได้กลับบ้านเป็นแน่ ซึ่งจริงๆวันนี้ก็กลับเลตค่ะ เสร็จประมาณ 6 โมง รอครูล้างของอีกครึ่งชั่วโมง ก็หกโมงครึ่งเลิกค่ำหว่าทุก ๆ วัน ตอนทีไ่ปเกาหลีกว่าที่จะเห็นว่าฟ้ามืดก็ประมาณสองทุ่มค่ะ

ระหว่างนั้นก็ช่วยเช็ดโต๊ะ ช่วยเก็บของ ครูมาส่งที่แถวร้านอาหารก็เกือบทุ่มกว่าๆ บรรยากาศโดยรอบมืดกว่าทุก  ๆวัน  วันนี้เลยทานชาบูย้อมใจกัน อารมณ์แบบคอตก มือตกค่ะ ชาบูที่เราเลือกก็จะเป็นเนื้อกับทะเล ราคาต่อหัวจะอยู่ที่ 19,000 วอน ก็ประมาณ 630 บาท น้ำฟรีค่ะ




น้ำซุปจะมาเป็นเนื้อกับทะเลนะคะ ชิมแล้วก็ไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่ 555 ประสาททางการรับรสดับอนาถค่ะ ความเครียดเข้ามาเยือน



ทางร้านเค้าก็ดีนะคะ นำเนื้อมาใส่ไว้ให้จะได้รู้ว่าอันไหนเป็นสำหรับน้ำซุปเนื้อ ผักหน้าตาคล้ายผักสลัด ไม่รู้ว่าเป็นผักอะไรอร่อยดีค่ะ ใบหยิก ๆ แบบนี้นึกถึงเคลค่ะ ซุปเปอร์ฟู๊ดเลยนะนั่น แต่ถามใครก็คงไม่ได้คำตอบ รู้แต่ว่าอร่อย ผักมาเยอะมากเรียกว่าทานหมดนี่อิ่มมากจริงๆ
ส่วนที่เป็นของทะเลก็มาเป็นจานค่ะ มีหอยมาให้ทานอีกแล้ว ... มีเป๋าฮื้อด้วย



ในร้านอาหารเกือบทุกที่จะมีไวไฟให้ใช้ค่ะ เราสามารถขอรหัสผ่านเค้าได้นะคะ นี่เป็นสาเหตุนึงที่ไม่ได้เช่าพอคเกตไวไฟค่ะเพราะว่ามี๊ไม่ได้เดินทางไปไหนเลย อยู่แต่ที่โรงแรม สตูดิโอครู และก็ร้านอาหาร

น้องสาวมี๊ถามว่าได้ทานปลาหมึกหรือยัง ที่เป็น ๆ แล้วราดน้ำมันงา มี๊หาไม่เจอค่ะ ร้านแบบนั้นก็เลยได้แต่คีบหมึกตัวเล็กที่ต้มสุกแล้วถ่ายรูปไปให้น้องดูแทนค่ะ หมึกเหมือนกันเนอะ



หลังจากที่ทานข้าวเสร็จก็เดินกลับโรงแรมค่ะบรรยากาศตอนนั้นมืดเลยค่ะ ประมาณสองทุ่มนิดๆ แต่ก็ไม่เปลี่ยวหรือว่าอันตรายนะคะ มีคนออกมาเดินออกมาวิ่งออกกำลังกายกันค่ะ เดินไปก็บ่นกันไปถึงการที่วันนี้เราบีบไม่ได้ค่ะ ...  สรุปสาเหตุกันว่าคงไม่ได้ทานข้าวเช้าเป็นแน่ เพราะว่าทุกเช้าเราจะทานข้าวกันจากโรงแรมก่อน ยังพูดติดตลกกันเลยว่า เดี๋ยวคอยดูพรุ่งนี้นะว่าจะเป็นยังไง ถ้าอยากรู้ว่ามี๊จะออกจากวังวนของการบีบไม่ได้ได้หรือไม่ต้องติดตามนะคะ

ถึงโรงแรมวันนี้ส่งการบ้านให้ผู้ออกทุนให้ ... มีคำชมมาว่า สวยขึ้น ไม่เหมือนที่เคยทำ มี๊ก็ยิ้มแก้มปริสิคะ ไปเรียนอะไรที่ไหนมา ทั้งงานปั้นงานบีบก็ไม่เคยจะเห็นชมสักที ชมแบบนี้อาการหดหู่จากการบีบไม่ได้ หายไปเป็นปลิดทิ้งเลยค่ะ 

กำลังใจจากคนข้างตัวนี่มันเหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจจริง ๆ นะคะ เวลาที่เรามีความทุกข์เราได้รับฟังคำพูดดี ๆ จากคนที่เรารัก เป็นห่วงเป็นใยเรา มันก็จะทำให้หลายๆสิ่งดีขึ้นจริง ๆ ค่ะ …. วันนี้คุณพูดสิ่งดี ๆ กับคนรอบข้างหรือยังคะ แล้วเจอกันตอนที่ 4 นะคะ มีความสุขในทุก ๆ วันนะคะ



11/7/58

+++ Korea Trip ... การไปเรียนบีบบัตเตอร์ครีมดอกไม้สไตล์เกาหลี ตอนที่ 2 +++

สวัสดีค่ะ มาอ่านต่อกับตอนที่ 2 เลยนะคะ ต้องขอขอบคุณกับเพื่อน ๆ ที่มาอ่านกันในตอนที่ 1 นะคะ 
ขอฝากลิงก์สำหรับเฟซบุคของมี๊ด้วยนะคะ https://www.facebook.com/ArtisanSweetbyKate   
สำหรับอินสตาแกรมก็สามารถติดตามได้ที่ @ArtisanSweetbyKate




หลังจากที่มาได้มาอยู่ที่เกาหลีสองวันแล้ว อากาศเย็นสบาย ไม่ร้อน เช้านี้เป็นวันอาทิตย์ ... มี๊ก็ได้ทานข้าวเช้า ความรู้สึกยังคงตื่นตาตื่นใจกับอาหารเกาหลีกก็ยังคงมีอยู่ ใครที่ว่าอาหารเกาหลีไม่เผ็ด จะจืด ๆ เหมือนอาหารญี่ปุ่นนี่คิดผิดถนัดเลยนะคะ แซ่บปากพอง (ทางเหนือเรียกว่า ปากบึน) ได้เลยในบางมื้อ วันนี้มี๊ทานข้าวกับเต้าหู้ราดซอสพริกเผ็ด ๆ เค็ม ๆ ผัดเนื้อใส่เห็ด ต้มจืดเป็นต้มถั่วงอกใส่เต้าหู้ปลา ข้าวเช้าเราก็จะทานกิมจิที่มีหลากหลายมาให้เลือกทุกมื้อ   

สิ่งที่ประทับใจอีกอย่างของการมาในครั้งนี้คือน้ำซุปของเกาหลีอร่อย เคยถามครูผู้สอนว่าซุปทำจากอะไรบ้าง น้ำซุปจะมีปลาแห้ง หัวหอม ต้นหอม ประมาณนี้ค่ะ รสชาติเหมือนซุปที่ทานที่บ้านตอนเด็ก ๆ สมัยยังไม่มีคนอร์ก้อน



คลาสในวันที่ 2 จะเรียนบีบดอกไม้ 6 ชนิดค่ะ ... เพิ่มขึ้นมาจากวันแรก 3 ชนิด และต้องเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับความยาก ตาย ๆ แล้วมี๊จะไหวไหมคะเนี่ย 5555 

คลาสเบสิคบัตเตอร์ครีมวันที่ 2 : กุหลาบวิคตอเรียน, คาร์เนชั่น, แอนีโมนี, ริบบอนโรส, สตอค และคามิลเลีย คุณครูมารับที่เก่าเวลาเดิม แปดโมงครึ่ง ไปถึงสตูดิโอก็เริ่มจากตีครีมเช่นเคย สองป้าก็นั่งเชคอินเตอร์เนต คุยกับลูกกับสามี เพราะว่าเป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าที่ไทยพอดี ลืมบอกไปว่า เวลาที่เกาหลีจะเร็วกว่าที่เมืองไทยประมาณ 2 ชั่วโมงนะคะ

คุณครูตีครีมเสร็จ ก็เริ่มให้เราทบทวนที่บีบไปเมื่อวานก็คือ ดอกกุหลาบ พอบีบไปได้สองสามดอก ครูดูว่าโอเคผ่านได้ก็เริ่มสอนดอกใหม่ทันที วันนี้เริ่มจากการบีบวิคตอเรียนโรส ดอกเล็ก ๆ ดูน่ารัก วันนี้วิธีบีบแต่งต่างจากเมื่อวานอีกแล้ว !!! แต่ก็พยายามที่จะบีบให้สำเร็จ



พอครูเห็นบีบกันได้เยี่ยงนี้แล้ว ....  จัดกองทัพมาให้กันเลยค่ะ ตามมาด้วยคามิลเลีย ริบบอนโรส ส่วนตัวชอบริบบอนโรสมาก เห็นแบบนี้ไม่ง่ายเลยนะคะ ที่จะทำให้กลม ๆ ดูกลมดิ๊ก เรื่องของความสูงอีก จริง ๆ มี๊เคยหัดทำค่ะ เมื่อนานมาแล้ว ผลที่ได้ไม่ต้องคาดเลย เบี้ยว ไม่นิ่ง 555  มาที่นี่แล้วทำให้บีบได้ ใจนี้มันพองโตจริง ๆ ค่ะ ดอกบนด้านซ้ายมือที่เห็นกริ๊บ ๆ แบบนี้ฝีมือครูนะคะ



ตามมากด้วยคาร์เนชั่น สตอค แอนีโมนี เจ้าดอกสตอคและแอนีโมนีนี่บีบกันชิล ๆ มาก อะไรที่เป็นแบน ๆ มี๊ชอบ คาร์เนชั่นนี่มีการงงกับทิศทาง ปกติขับรถก็ไม่เคยหลงนะคะ แต่มันงงได้จริงๆ ผู้หญิงกับทิศทาง 555 บีบไปได้สักพักครีมก็ไปแล้วค่ะ อย่างที่บอกครีมที่ใช้ในคลาสเป็นอิตาเลียนเมอร์แรงก์บัตเตอร์ครีม บีบไปได้พักเดียวเริ่มเหลว มันไม่ง่ายเลยกับการเรียนที่ต้องแข่งกับเวลาที่ครีมพร้อมจะเหลวได้ทุกเมื่อ 

และแล้วก็ถึงเวลาที่นักเรียนรอคอยคือเวลาทานอาหาร ต้องยอมรับว่าคุณครูกะเวลาที่ใช้สอนได้ดีเยี่ยม เป๊ะ ๆ เกือบทุกวัน วันนี้อยากลองทานก๋วยเตี๋ยวบ้าง ก็เลยสั่งจัมปง



จริง ๆ จัมปงเป็นบะหมี่ทะเลของญี่ปุ่น หรือว่าที่เรียกกันว่านางาซากิจัมปง แต่ว่าจัมปงสไตล์ญี่ปุ่นจะเป็นบะหมี่เส้นอ้วนคล้าย ๆ โกยซีหมี่บ้านเรา ลวกแล้วราดน้ำซุปกระดูกหมูกระดูกไก่ที่เคี่ยวเป็นเวลานานจะน้ำซุปกลายเป็นสีขาวขุ่นแบบที่เราเห็นกันชินตาในร้านราเมง ส่วนเครื่องราดหน้าจะเป็นอาหารทะเลมาผัดกับผักต่าง ๆ เช่นกะหล่ำปลี ต้นหอม เห็ดหูหนู ถั่วงอก เท่าที่อ่านมานะคะจะเป็นบะหมี่ที่ดัดแปลงมาจากอาหารจีนของฟูเจี้ยนค่ะ แล้วมีเจ้าของร้าน Shikairo ที่เมืองนางาซากิมาจัดการดัดแปลงขายให้กับชาวจีนที่มาเรียนมาทำงานที่ญี่ปุ่น ยังคงได้ทานอาหารจีนแบบถูกๆแต่คับชาม แต่บางคนก็บอกว่าเกิดมาจากนักศึกษาจีนที่มาเรียนที่ญี่ปุ่นหัดทำทานกันเอง หน้าตาของจัมปงญี่ปุ่น


เครดิตภาพจาก Facebook : Yummy Adventure นะคะ

ส่วนจัมปงของเกาหลี .... แซ่บค่ะ แซ่บคักคัก เป็นตาแซ่บ อิหลีกะด้อกะเดี้ย  ทานของร้อนที่เผ็ดนี่เข้าขั้นน้ำตาซึมเลย ใครว่าพริกแดง ๆ นี่ไม่เผ็ดอยากให้ได้ลองดูค่ะ ขนลุกซู่ ของทะเลที่ใส่มาจะเน้นหอยค่ะ สดสะอาดไม่เหม็นเลย



ของคุณครูกับพี่สาวสั่งเป็นหมี่ดำ หรือที่เรียกว่าจาจังเหมี่ยน เป็นบะหมี่ราดน้ำสีดำ หวาน ๆ เค็ม ๆ อร่อย ใส่หอมหัวใหญ่




ทานข้าวกลางวันเสร็จ แอบมีง่วงนอนเล็ก ๆ ด้วยค่ะ คุณครูให้เลือกสีว่าวันนี้จะใช้สีอะไร  สีแดงมาเลยค่ะเพราะว่าดอกคามิลเลียจะมีสีแดง สีขาว รู้จักมาตั้งแต่เด็กเพราะว่าชอบอ่านการ์ตูนญี่ปุ่น เห็นเจ้าดอกนี้มาตั้งแต่ยังเป็นขาวดำ ครูผสมมาให้มีสีแดง สีม่วง สีชมพูฟิวเชีย สีเหลือง สีมาครบก็จัดการบีบ บีบ และบีบ



บีบได้ครบตามจำนวนเราก็มาเริ่มจัดวางดอกไม้เล็ก ๆ ที่น่าทะนุถนอมของเราลงไป สักพักงานก็เสร็จเรียบร้อย ริบบอนโรสเวลาที่อยู่บนคัพเค้กมันช่างดูน่ารักจริง ๆ



วิคตอเรียนโรสสีครีมและสีชมพูฟิวเชีย เจ้าสีชมพูฟิวเชียจริง ๆ ออกออกเป็นสีชมพูม่วง ไม่รู้ว่าชื่อสีนี้มาจากสีของดอกฟิวเชียหรือว่าที่บ้านเราเรียกว่าดอกโคมญี่ปุ่นด้วยหรือเปล่านะคะ



ต่อไปเป็นดอกแอนีโมนี ดอกที่เห็นส่วนใหญ่จะมีสีขาว สีแดง สีเหลือง แต่มีจุดเด่นที่ตรงกลางเกสรเป็นสีดำ



อันนี้เป็นดอกสตอค (Stalk) พยายามลองหาในกูเกิลดูแล้วก็ยังไม่เห็นมีดอกไหนที่หน้าตาประมาณนี้  หรือว่าจะเป็นดอกไม้ในจินตนาการ ใครที่พอจะรู้ก็ช่วยบอกมี๊ด้วยนะคะ


สำหรับคาร์เนชั่น ดอกไม้ที่ทำให้ปวดหัวในทิศทางการบีบของเธอก็ออกมาแบบไม่ทำให้มี๊ผิดหวัง แม้จะไม่ถูกต้องเป๊ะตามหลักการ แต่ก็ออกมาได้แบบน่ารัก คาร์เนชั่นถูกใช้เป็นตัวแทนของดอกไม้ที่ให้กันวันแม่ในหลาย ๆ ประเทศด้วยนะคะ



เนื่องจากว่าวันนี้เราได้บีบบนเค้กจริง ๆ คุณครูก็ได้เอาใส่กล่องให้กลับไปทานที่บ้านด้วย ... แต่ใครจะกล้าทาน 555 สรุปเจ้าคัพเค้กถูกแช่อยู่ในตู้เย็นจนถึงวันเดินทางกลับ



ภาพนี้เป็นของพี่สาวที่ไปเรียนด้วยกัน เป็นคนที่บีบกุหลาบสวยมาก นับถือ นับถือ



เรียนเสร็จก็เป็นเวลาที่น่าตื่นเต้นของสองป้า ... ทุกวันตอนเรียนไม่ค่อยสนใจ มัวแต่คิดว่าวันนี้เราจะไปทานอะไรกันดี ร้านนี้เล็งๆไว้ตั้งแต่วันที่ไปทานขนมเมื่อวาน ด้วยความที่มีรูปปลาหมึกยักษ์แปะไว้หน้าร้าน มี๊เป็นคนชอบทานปลาหมึกจะพลาดได้เหรอ ไม่รู้ว่าอะไรแหละมีปลาหมึกก็ทานก่อน ยิ่งเป็นหมึกชุบแป้งทอดนะ .... กรี๊ดเลย


เข้าไปที่ร้าน เด็กในร้านพูดอังกฤษไม่ได้ เอาละเหวยตรูจะทานอะไร สั่งอะไร ดูเมนูก็มีแต่ภาษาเกาหลี งานนี้เลยอาศัยการจิ้ม ร้านอาหารที่นี่ส่วนใหญ่หลาย ๆ ร้านจะไม่สามารถทานคนเดียวได้ ต้องมาเป็น 2 คน จานนึงเค้าจะให้ทานด้วยกันโดยจะมีปริมาณอาหารมาพอดีสองคน เห็นรูปข้างบนมีใครเดาได้หรือยังคะว่าเป็นอะไร ให้ดูอีกรูป


เฉลยค่ะ ...  อาหารจานนี้คือต๊อกโบกี ที่สาว ๆ หลาย ๆ คนชอบทานกัน
ต๊อกโบกี (Tukbokki) 떡볶이ทำมาจากแป้งและนำมาผัดพร้อมราดด้วยซอส ซึ่งคำว่าต๊อก()แปลว่า แป้งที่ทำจากข้าว ส่วนคำว่าโบกี(볶이)แปลว่า นำมาผัด ต๊อกโบกีเป็นอาหารว่างที่ได้รับความนิยมโดยทั่วไป ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านหรือรถเข็นริมทาง แต่เดิมเรียกว่าต๊อกจิมและยังสามารถนำมาใส่ในเค้กข้าว (rice cake) ได้ กลายเป็นต๊อกกุก(ซุปเค้กข้าว) ซึ่งจะนิยมรับประทานในวันขึ้นปีใหม่ด้วย
ข้อความในวงเล็บนำมาจาก  http://www.meetawee.com/home/introduce-korea/1489-tukbokki.html



และก็จบไปอีกตอนแล้วนะคะ กับตอนที่ 2 เรื่องเรียนไม่ค่อยมีอะไร ส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องกินมากกว่า ยิ่งอ่านไปยิ่งจะเห็นว่าตกลงมี๊ไปทำอะไรกันแน่ 555 ก็ทั้งเรียนทั้งกินค่ะ เสียดายตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะกลับมาเขียนบลอกอีกครั้ง เลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูปอะไรมาให้ได้ดูบรรยากาศของเกาหลี ต้องขออภัยด้วยนะคะ ไว้เจอกันตอนที่  3 นะคะ