สวัสดีค่ะ..... ช่วงนี้ต้นปี ขยันหน่อยนะคะ เมื่อวานเกดลองสูตรทำขนมค่ะ แต่ว่ายังไม่สำเร็จ เศร้าเลย อุตส่าห์ว่าจะทำขนมให้หลานไงคะ เศร้าเลย... หลานสาวตัวน้อยน่ารัก เสียงเจื้อแจ้วเลยค่ะ เจอหน้ากันทีไรก็ชอบถามเกดว่า " อาเกด....มีอะไรให้น้องเฟี๊ยตทานบ้าง " น่ารักซะไม่มี เมื่อวานตอนเช้าเกดก็เลยไปซื้อสตอเบอร์รี่มาค่ะ เพื่อทำเค้กให้หลาน ซื้อมา 2 กล่องค่ะ ใช้ไปแล้วก็ประมาณเกือบ 1 กล่อง แต่ขนมที่ทำดันไม่สำเร็จค่ะ ฮ่าๆๆ
ก็เลยต้องมาแก้ลำค่ะ เดี๋ยวหลายมาแล้วไม่มีขนมให้หลานทำ ก็เลยมาทำ Srawberry shortcake ค่ะ ปกติเกดไม่ค่อยได้ทำขนมเค้กที่ปาดหน้าด้วยวิปครีมซักเท่าไหร่ เพราะว่าเกดตีวิปครีมจริง ๆ แล้วไม่ถึง 5 ครั้งค่ะ น้อยมาก ๆ ในบลอกจะยังไม่เห็นขนมที่เป็นพวกมูสเลยค่ะ เอาน่าเราต้องมีพัฒนาการ และอีกอย่างของในตู้เย็นก็มีพร้อมแล้ว จัดการทำเลยดีกว่านะคะ .... go go go
สำหรับเนื้อเค้กเกดใช้เป็น ชิฟฟอน นะคะ ใช้สูตรเดิมที่เคยใช้ค่ะ เพราะว่าเวลาจำกัดค่ะก็เลยไม่ได้ลองสูตรใหม่ค่ะ สำหรับขั้นตอนการทำสามารถไปดูได้ที่นี่เลยนะคะ
แต่ก็เอาสูตรมาลงให้อีกทีนะคะ สำหรับสูตรของวิปครีม และก็น้ำเชื่อมเกดเอามาจาก หนังสือ Bakery in my heart vol.1 โดย คุณตุ๊ก ณชนกช์ ปัญญาหิตานนท์
สูตร เบสิคชิฟฟอน จากคุณ ปุ๊ก Dailydelicious
เบส - เนื้อเค้กส่วนไข่แดง
1. ไข่แดง 70 กรัม
2. นมสด 80 มิลลิลิตร
3. น้ำมันพืช 60 มิลลิลิตร
4. แป้งเค้ก 90 กรัม
5. วานิลลา 1/2 ช้อนชา
6. ผงฟู 1/4 ช้อนชา
7. เกลือ 1/4 ช้อนชา
เมอแรงก์ - เนื้อเค้กส่วนไข่ขาว
1. ไข่ขาว 180 กรัม
2. น้ำตาล 80 กรัม
ขั้นตอนการทำ เบสิคชิฟฟอน
1. เปิดเตาอบที่ 180 องศาเซลเซียส ไฟบน-ล่าง
2. เตรียมพิมพ์ขนาด 8 นิ้ว เตรียมโดยปูกระดาษไขไม่ทาไขมัน
3. ร่อนแป้ง ผงฟู พักไว้ในอ่าง ทำบ่อตรงกลาง
4. ผสมนมสด ไข่แป้ง วานิลลา น้ำมันพืช คนพอเข้ากัน
5. เทส่วนผสมในข้อ 4. ลงในบ่อแป้ง คนแค่พอเข้ากันด้วยตะกร้อมือ พักไว้
6. เทไข่ขาวลงในอ่างผสม ตีด้วยหัวตีตะกร้อ ตีไข่ขาวด้วยความเร็วสูง พอให้ขึ้นฟองหยาบๆ
7. เปลี่ยนเป็นสปีดต่ำ แล้วค่อย ๆ เติมน้ำตาลทรายลงไปในขณะที่ตีไข่ขาว จากนั้นจึงเปลี่ยนไปตีด้วยความเร็วสูง
8. ตีไข่ขาวจนตั้งยอดอ่อน จากนั้นตีด้วยความเร็วต่ำสุด 1 นาที เพื่อตัดฟองอากาศ นำส่วนของไข่ขาวมาตะล่อมกับส่วนของไข่แดงให้เข้ากัน
9. เทใส่พิมพ์ เกลี่ยให้เรียบเสมอกัน เคาะก้นพิมพ์เพื่อไล่ฟองอากาศ นำเข้าอบที่ 180 องศาเซลเซียส นาน 25-30 นาที หรือจนกระทั่งสุก เชคสุกโดยกดที่เค้กเบา ๆ เค้กจะสปริงตัวขึ้น
สตอเบอร์รี่ที่ซื้อมาค่ะ วันนี้ซื้อของโครงการหลวงมาค่ะ รสชาติจะหวานอมเปรี้ยวค่ะ... ทานแล้วเข้ากับวิปครีมได้ดีค่ะ
วันนี้ไม่ได้ถ่ายรูปตอนที่ทำเค้กนะคะ ถ่ายมาแต่รูปที่ประกอบเค้กให้ค่ะ พอช่วงที่เราอบเค้กนะคะ ก็มาเตรียมน้ำเชื่อมอเนกประสงค์เพื่อทาเนื้อเค้กนะคะ ทำไม่ยากเลยนะคะ
สูตรน้ำเชื่อมอเนกประสงค์
1. น้ำตาลทราย 300 กรัม
2. น้ำ 300 กรัม (อัตราส่วน 1:1 )
ขั้นตอนการทำ
1. ต้มน้ำและน้ำตาลทรายรวมกันใหหม้อขนาดกลาง ต้มด้วยไฟปานกลาง
2. คนแค่พอให้น้ำตาลละลายในช่วงต้น จากนั้นตั้งทิ้งไว้ให้เดือด จากนั้นจึงพักไว้ให้เย็นสนิทก่อนที่จะนำไปใช้ ของเกดต้มพอเดือดเท่าในรูปค่ะ
สูตรวิปปิงครีม
1. วิปปิงครีม 800 กรัม
2. มาสคาโปเน่ชีส 80 กรัม
3. น้ำตาลไอซิ่ง 80 กรัม
4. กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนโต๊ะ (เกดไม่ได้ใส่นะคะ)
ขั้นตอนการทำ
1. แช่โถตีและตะกร้อในตู้เย็นให้เย็นจัด วันนี้ใช้หัวตีตะกร้อนะคะ
2. เทวิปปิงครีม และน้ำตาลไอซิ่ง ลงไป จากนั้นตีด้วยความเร็วสูง
3. สังเกตุว่าคีมเริ่มข้นขึ้น ให้ใส่มาสคาโปเน่ชีส ลงไปผสม จากนั้นจึงตีต่อให้ได้ตั้งยอดอ่อน
4. พอครีมตั้งยอดอ่อน (Soft Peak) ก็ให้หยุดตี ไม่ควรตีต่อนะคะ วิปครีมมีโอกาสแตกตัวได้ง่ายมาก ๆ ค่ะ จากนั้นจึงเติมวานิลลา ใช้พายยางค่อย ๆ ตะล่อมคนให้เข้ากัน ( ที่ให้หยุดแค่ Soft Peak เพราะว่าเวลาที่เรามาใช้เวลาปาดครีมบนเนื้อเค้ก เราก็ต้องคนครีมอยู่แล้วค่ะ ซึ่งการคนก็จะช่วยให้วิปครีมแข็งขึ้นกว่าเดิมอยู่แล้วนะคะ )
ขั้นตอนการประกอบเค้ก
1. สไลด์เค้กเป็น 3 ชั้น พรมน้ำเชื่อมอเนกประสงค์ที่ผสมรัม (น้ำเชื่อม 1/4 ถ้วยตวง ผสม รัม 1 ช้อนโต๊ะ) เกดจะพรมที่ละชั้นนะคะ ในหนังสือจะเป็นแบบพรมทั้ง 3 แล้วนำไปแช่ตู้เย็นค่ะ
2. จากนั้นจึงปาดครีมสดให้หนาพอประมาณ วางทับด้วยสตอเบอร์รี่ผ่าครึ่ง เรียงกันแบบในรูปค่ะ เวลาหั่นจะได้สวยๆ
3. จากนั้นก็ใส่วิปปิงครีมลงไปอีกครั้ง ปาดให้เสมอกันค่ะ
4. จากนั้นก็นำเค้กชั้นต่อไปมาวางทับแล้วพรมน้ำเชื่อม แล้วก็ทำขั้นตอนซ้ำต่อเหมือนที่ผ่านมาเลยค่ะ จากนั้นก็ปาดครีมให้ทั่วทั้งก้อน สำหรับวิธีปาดครีม สามารถไปดูได้ ที่นี่เลยนะคะ
เรียบร้อยแล้วหน้าตาจะออกมาประมาณนี้นะคะ ร้างมือไปนานไม่ค่อยเรียบเท่าไหร่เลย สงสัยต้องฝึกมือบ่อย ๆ ซะแล้ว แต่แน่ ๆ เป็นเค้กวิปครีมก้อนแรกซะด้วย... ดีใจจังวิปครีมไม่ over beat นี่แหละเหตุผลหลักที่ไม่ค่อยกล้าทำเค้กจากวิปครีม
ด้านบนนะคะ.....บีบเป็น ลายตัว C หรือไม้หันอากาศ ก็เรียกได้จ้า ไม่ค่อยคมเลย ไม่รู้ว่าเป็นที่เกดหรือว่าวิปครีม เอาไว้คราวหน้าลองใหม่ดีกว่า ชักติดใจ
จากนั้นก็พอดีกับเวลาที่หลานสาวมาค่ะ .... คุณอาเลย ขอบอกว่าขอเหลือไว้ 1 ชิ้นนะคะ จะเอาไว้ถ่ายรูปตอนเช้าค่ะ หลานสาวก็เหลือให้ชิ้นเดียวจริง ๆ อิอิ ที่จริงเหลือ 3 คุณสามีทานไป 1 คุณอาทานเอง 1 ชิ้น เหลือไว้ถ่ายรูป 1 ชิ้น
ก็เลยทำซอสสตอเบอร์รี่มาราดค่ะ ใช้สตอเบอร์รี่ 100 กรัม แล้วก็น้ำตาลสัก 30 กรัม เคี่ยวให้สตอเบอร์รี่นุ่มค่ะ ลองชิมรสดู ถ้าชอบหวานก็เติมน้ำตาลเพิ่มได้นะคะ แล้วก็นำมายีผ่านตะแกรงค่ะ ทิ้งไว้ให้เย็นจากนั้นก็ราดซอสตามชอบเลยค่ะ
วันนี้พลาดไปนิดนึง ตรงที่เลือกจานมาใส่ค่ะ จานเป็นจานก้นลึกเวลาที่เราตัดออกมาเป็นชิ้นจะมีช่วงที่ขาดครีมไปหน่อย เค้กก็เลยจะเอียง ๆ ค่ะ แต่ยังไงก็อร่อยนะคะ.... จริง ๆ ค่ะ อย่าลืมทำแล้วมาบอกกันด้วยนะคะ
Special Thanks To....
สูตรเบสิคชิฟฟอน จากคุณปุ๊ก Dailydelicious
สูตร น้ำเชื่อมและวิปครีม จากหนังสือฺ Bakery in my heart vol.1 โดยคุณตุ๊ก ณชนกช์ ปัญญาหิตานนท์
และก็ขอบคุณเพื่อน ๆ ทุก ๆ คนที่แวะข้ามาเยี่ยมเยียนนะคะ BYE BYE ...
Baking noteสำหรับการตีวิปครีมกับมาสคาโปเนนะคะ สำหรับคนที่จะใช้สูตรนี้ ถ้าเราใส่มาสคาโปเนชีสลงไปด้วย ควรแยกตีเป็นสองอ่างค่ะ คืออ่างนึงตีตามปกติถึง Soft peak (วิปครีม + น้ำตาลไอซิ่ง) แล้วก็ให้แบ่งอีกส่วนนึงนะคะ เฉพาะวิปครีม มาตีให้ได้ Ribbon stage (ข้นเป็นสาย แต่ไม่ตั้งยอด) แล้วจึงค่อยใส่มาสคาโปเนชีสลงไป จากนั้นตะล่อมให้เข้ากัน แล้วนำส่วนนี้ไปผสมกับอ่างแรกค่ะ คนแค่ให้เข้ากัน เพราะว่าการที่เราคนก็ทำให้วิปครีมตั้งยอดอ่อนได้แล้วค่ะ เดี๋ยวเอาไว้ลองอีกทีนะตัวเอง เค้าเริ่มชอบตีวิปครีมซะแล้ว มันตื่นเต้นดี อิอิ
เห็นเค้กแล้วมันน่ายอมอ้วนเจงๆ..อิอิ
ตอบลบน่าทานจังเลยแอร์กำลังหัดทำเค้กค่ะ
ตอบลบน่าทานมากเลยค่ะ
ตอบลบ