ไอศครีม Blueberry Frozen Yogurt สูตรนี้ได้มาจาก น้องเจี๊ยบ J-Nap น้องสาวคนเก่ง ถ่ายรูปสวย นั่นเองค่ะ Blueberry Frozen Yogurt สูตร น้องเจี๊ยบ J-Nap แต่ว่าที่จะแตกต่างกันนิดนึง คือ ของน้องเจี๊ยบไม่ได้ ทำเป็นโยเกิตร์สชีสก่อนค่ะ น้องเจี๊ยบใช้โยเกิร์ตทั้งกระป๋องเลยซึ่งก็ได้รสที่อร่อยเหมือนกันค่ะ
ก่อนอื่นลองมารู้จักกับ โยเกิร์ตชีส (Yogurt Cheese) กันก่อนนะคะ เจ้าโยเกิร์ตชีสจัดอยู่ในประเภทกลุ่มของเนยแข็งสด ทำจากนมขาดมันเนย และไม่ต้องผ่านการบ่ม ซึ่งเหมาะสำหรับ ผู้ที่ควบคุมอาหารประเภทที่ต้อง Low Fat, Low Sodium รวมถึงคนที่แพ้แลคโตสก็สามารถทานได้ค่ะ
สำหรับวิธีการทำก็แสนง่ายถ้าใครมีเครื่องทำโยเกิร์ตอยู่แล้วก็จัดการทำเองเลยค่ะ ประหยัดไปได้เยอะ (เกดมีเครื่องอยู่นะ แต่ไม่เคยได้ใช้เลยเพราะผีขี้เกียจเข้าสิงค่ะ เดี๋ยวจะลองใช้ดูค่ะ เพราะคุณสามีเค้าซื้อให้...ขอบคุณนะคะ จุ๊บ ๆ) แต่ถ้าไม่มีก็ใช้ โยเกิร์ตกระป๋องรสธรรมชาติ ที่ไม่ได้เติมผลไม้หรือรสชาติใด ๆ ค่ะ ถ้าเป็นพวก Wholemilk รสชาติและเนื้อสัมผัสจะเข้มข้นกว่าแบบพร่องมันเนยนะคะ แต่ถ้ากำลังลดน้ำหนักอยู่ก็ใช้แบบ Low Fat เอาค่ะ โดยส่วนตัวชอบทานของ เมจิ ค่ะ แต่ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่า ของเมจิที่ญี่ปุ่นอร่อยกว่าที่เมืองไทยนะคะ มาที่การทำต่อดีกว่า เราก็จะเอาดยเกิร์ตมากรองเอาน้ำออกค่ะ โดยการหากระชอนมาปูด้วยผ้าขาวบางชื้น ๆ สัก 3-4 ชั้น ตักโยเกิร์ตใส่ผ้าขาวบางห่อรวบเพื่อบีบน้ำออกจากผ้าขาวบาง แล้ววางบนกระชอนให้ข้างใต้มีภาชนะรองรับน้ำ แต่ถ้าใครสามารถหาไม้แขวนแขวนได้ก็ยิ่งดีค่ะ จากนั้นก็นำเข้าตู้เย็นทิ้งไว้ให้น้ำหยดประมาณ 6-36 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับว่าต้องการให้ได้เนื้อสัมผัสนุ่มหรือแน่น แต่ตามสูตรของน้องเจี๊ยบ แค่ข้ามคืนก็ใช้ได้แล้วค่ะ
แหล่งที่มาของความรู้ : เรื่อง ผ้าขาวบาง โดย นายท้ายครัว นิตยสาร Gourmet & Cuisine ฉบับที่ 90 มกราคม 2551
ลักษณะของโยเกิร์ตที่ทำเป็นโยเกิร์ตชีสค่ะ
ส่วนน้ำที่ออกมาก็จะเป็นแบบนี้ค่ะ ปริมาณของน้ำจะมากหรือว่าน้อยก็ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่เรากรองนะคะ
ส่วนผสมของ Bluberry Frozen Yogurt
1. โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 4 cups
2. น้ำผึ้ง 1/4 cup
3. บลูเบอรี่แช่แข็ง กะเอา
เห็นรูป โยเกิร์ตชีส ไปแล้วก็มาดูอีกสองสาวที่เหลือ นะคะก็คือ บลูเบอรี่แช่แข็ง ถ้าใครไม่มีก็ใช้เป็นผลไม้ชนิดอื่นก็ได้ค่ะ อาจเปลี่ยนเป็น มะม่วงก็ได้นะคะ ก็จะกลายเป็น Mango Frozen Yogurt แทน ควรใช้ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวนิด ๆ จะอร่อยค่ะ ส่วนน้ำผึ้งก็ใช้แบบแล้วแต่ชอบค่ะ แต่ถ้าใครอยากลดแคลลอรี่ลงไปอีกอาจใช้ น้ำเชื่อมที่ทำจาก น้ำตาลพวกไลท์ไดเอตก็ได้ค่ะ หรืออาจจะใช้ Maltitol Syrup ก็ได้ค่ะ แคลลอรี่ต่ำกว่าน้ำตาลกว่าครึ่ง
สำหรับขั้นตอนการทำก็แสนจะง่ายเอามาก ๆ เลยนะคะ เริ่มจาก เอา โยเกิร์ตชีสที่ทิ้งไว้ข้ามคืน หรือใช้ โยเกิร์ตแบบน้องเจี๊ยบก็ได้ค่ะ มาผสมกับน้ำผึ้ง
จากนั้นก็บี้บลูเบอรี่แช่แข็งด้วยส้อม พอให้หยาบ ๆ แล้วจัดการนำลงไปผสมเลยค่ะ
แล้วก็คนให้เข้ากันนะคะ ถ้าใส่บลูเบอรี่เยอะ สีที่ได้ก็จะมีสีม่วงเข้มค่ะ... อันนี้แล้วแต่ความชอบ
คนให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียวค่ะ จากนั้นจะนำไปบ่มในตู้เย็นความเย็น 4 องศาเซลเซียสสัก 6-8 ชั่วโมงก็ได้ นะคะ เนื้อไอศครีมที่ได้จะนุ่มฟูขึ้นค่ะ
แต่ถ้าใครไม่มีเวลาก็ จัดการนำไปแช่ฟรีซได้เลยค่ะ แล้วก็นำมาขูดแบบวิธีของ น้องเจี๊ยบได้เลย แต่ถ้าใครมีเครื่องปั่นไอศครีมก็จัดการนำเข้าปั่นได้เลยค่ะ ปั่นเสร็จเนื้อจะฝูขึ้นนะคะ แต่ว่ายังไม่แข็งมาก ยังมี เคล็ดสำหรับการปั่นไอศครีมมาบอกอีกค่ะ แต่ขอติดไว้เป็นคราวหน้านะคะ
หลังจากนั้นก็จัดการนำใส่กล่อง ไปแช่ฟรีซ... ประมาณ 6 ชั่วโมงก็แข็งพร้อมทานได้ค่ะ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เกดได้ดูรายการ สุริวิภา ที่คุณหนูแหม่มนำคุณสลักจิตร ดลมินทร์ กันแฟนที่เค้าเปิดร้านไอศครีมที่หัวหิน ชื่อ 18 below ซึ่งเค้าก็บอกค่ะ ว่าการเก็บไอศรีมถ้าจะให้ดีอุณหภูมิ ควรอยู่ที่ -18 องศาเซลเซียส ซึ่งก็จริงค่ะ เพราะว่าที่บ้าน ตอนนั้นเคยลองเก็บไอศครีมที่อุณหภูมิ -15 - -20 เนื้อของไอศครีมที่ได้ เกดก็ว่ามันแตกต่างกันบ้างนะคะ ตอนนี้ช่องฟรีซจะเซ็ตไว้ที่ -18 เสมอค่ะ เอาไว้เก็บไอศครีม กับอาหารแช่แข็ง ไหนมาดูหน้าตาหน่อยสิว่าใช้ได้หรือเปล่า
สคูปใหญ่ยักษ์ไว้ให้คุณสามีที่น่ารัก ... ส่วนของเราสาวกไดเอตแต่ไม่อด ด้วย สคูปเล็ก ๆ
ส่วนภาพนี้ สำหรับเจ้าของสูตรแสนน่ารัก... น้องเจี๊ยบ J-Nap นะคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น