สวัสดีค่ะ มาอ่านต่อกับตอนที่ 2 เลยนะคะ
ต้องขอขอบคุณกับเพื่อน ๆ ที่มาอ่านกันในตอนที่ 1 นะคะ
ขอฝากลิงก์สำหรับเฟซบุคของมี๊ด้วยนะคะ https://www.facebook.com/ArtisanSweetbyKate
สำหรับอินสตาแกรมก็สามารถติดตามได้ที่ @ArtisanSweetbyKate
หลังจากที่มาได้มาอยู่ที่เกาหลีสองวันแล้ว อากาศเย็นสบาย ไม่ร้อน
เช้านี้เป็นวันอาทิตย์ ... มี๊ก็ได้ทานข้าวเช้า ความรู้สึกยังคงตื่นตาตื่นใจกับอาหารเกาหลีกก็ยังคงมีอยู่ ใครที่ว่าอาหารเกาหลีไม่เผ็ด จะจืด ๆ
เหมือนอาหารญี่ปุ่นนี่คิดผิดถนัดเลยนะคะ แซ่บปากพอง (ทางเหนือเรียกว่า ปากบึน) ได้เลยในบางมื้อ วันนี้มี๊ทานข้าวกับเต้าหู้ราดซอสพริกเผ็ด
ๆ เค็ม ๆ ผัดเนื้อใส่เห็ด ต้มจืดเป็นต้มถั่วงอกใส่เต้าหู้ปลา
ข้าวเช้าเราก็จะทานกิมจิที่มีหลากหลายมาให้เลือกทุกมื้อ
สิ่งที่ประทับใจอีกอย่างของการมาในครั้งนี้คือน้ำซุปของเกาหลีอร่อย
เคยถามครูผู้สอนว่าซุปทำจากอะไรบ้าง น้ำซุปจะมีปลาแห้ง หัวหอม ต้นหอม ประมาณนี้ค่ะ รสชาติเหมือนซุปที่ทานที่บ้านตอนเด็ก ๆ สมัยยังไม่มีคนอร์ก้อน
คลาสในวันที่ 2 จะเรียนบีบดอกไม้ 6 ชนิดค่ะ ...
เพิ่มขึ้นมาจากวันแรก 3 ชนิด และต้องเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับความยาก
ตาย ๆ แล้วมี๊จะไหวไหมคะเนี่ย 5555
คลาสเบสิคบัตเตอร์ครีมวันที่ 2 : กุหลาบวิคตอเรียน,
คาร์เนชั่น, แอนีโมนี, ริบบอนโรส, สตอค และคามิลเลีย คุณครูมารับที่เก่าเวลาเดิม
แปดโมงครึ่ง ไปถึงสตูดิโอก็เริ่มจากตีครีมเช่นเคย สองป้าก็นั่งเชคอินเตอร์เนต
คุยกับลูกกับสามี เพราะว่าเป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าที่ไทยพอดี ลืมบอกไปว่า
เวลาที่เกาหลีจะเร็วกว่าที่เมืองไทยประมาณ 2 ชั่วโมงนะคะ
คุณครูตีครีมเสร็จ ก็เริ่มให้เราทบทวนที่บีบไปเมื่อวานก็คือ ดอกกุหลาบ
พอบีบไปได้สองสามดอก ครูดูว่าโอเคผ่านได้ก็เริ่มสอนดอกใหม่ทันที
วันนี้เริ่มจากการบีบวิคตอเรียนโรส ดอกเล็ก ๆ ดูน่ารัก
วันนี้วิธีบีบแต่งต่างจากเมื่อวานอีกแล้ว !!! แต่ก็พยายามที่จะบีบให้สำเร็จ
พอครูเห็นบีบกันได้เยี่ยงนี้แล้ว .... จัดกองทัพมาให้กันเลยค่ะ ตามมาด้วยคามิลเลีย
ริบบอนโรส ส่วนตัวชอบริบบอนโรสมาก เห็นแบบนี้ไม่ง่ายเลยนะคะ ที่จะทำให้กลม ๆ
ดูกลมดิ๊ก เรื่องของความสูงอีก จริง ๆ มี๊เคยหัดทำค่ะ เมื่อนานมาแล้ว
ผลที่ได้ไม่ต้องคาดเลย เบี้ยว ไม่นิ่ง 555
มาที่นี่แล้วทำให้บีบได้ ใจนี้มันพองโตจริง ๆ ค่ะ ดอกบนด้านซ้ายมือที่เห็นกริ๊บ ๆ แบบนี้ฝีมือครูนะคะ
ตามมากด้วยคาร์เนชั่น สตอค แอนีโมนี
เจ้าดอกสตอคและแอนีโมนีนี่บีบกันชิล ๆ มาก อะไรที่เป็นแบน ๆ มี๊ชอบ
คาร์เนชั่นนี่มีการงงกับทิศทาง ปกติขับรถก็ไม่เคยหลงนะคะ แต่มันงงได้จริงๆ ผู้หญิงกับทิศทาง
555 บีบไปได้สักพักครีมก็ไปแล้วค่ะ
อย่างที่บอกครีมที่ใช้ในคลาสเป็นอิตาเลียนเมอร์แรงก์บัตเตอร์ครีม บีบไปได้พักเดียวเริ่มเหลว
มันไม่ง่ายเลยกับการเรียนที่ต้องแข่งกับเวลาที่ครีมพร้อมจะเหลวได้ทุกเมื่อ
และแล้วก็ถึงเวลาที่นักเรียนรอคอยคือเวลาทานอาหาร
ต้องยอมรับว่าคุณครูกะเวลาที่ใช้สอนได้ดีเยี่ยม เป๊ะ ๆ เกือบทุกวัน
วันนี้อยากลองทานก๋วยเตี๋ยวบ้าง ก็เลยสั่งจัมปง
จริง ๆ จัมปงเป็นบะหมี่ทะเลของญี่ปุ่น
หรือว่าที่เรียกกันว่านางาซากิจัมปง แต่ว่าจัมปงสไตล์ญี่ปุ่นจะเป็นบะหมี่เส้นอ้วนคล้าย
ๆ โกยซีหมี่บ้านเรา
ลวกแล้วราดน้ำซุปกระดูกหมูกระดูกไก่ที่เคี่ยวเป็นเวลานานจะน้ำซุปกลายเป็นสีขาวขุ่นแบบที่เราเห็นกันชินตาในร้านราเมง
ส่วนเครื่องราดหน้าจะเป็นอาหารทะเลมาผัดกับผักต่าง ๆ เช่นกะหล่ำปลี ต้นหอม
เห็ดหูหนู ถั่วงอก
เท่าที่อ่านมานะคะจะเป็นบะหมี่ที่ดัดแปลงมาจากอาหารจีนของฟูเจี้ยนค่ะ
แล้วมีเจ้าของร้าน Shikairo ที่เมืองนางาซากิมาจัดการดัดแปลงขายให้กับชาวจีนที่มาเรียนมาทำงานที่ญี่ปุ่น
ยังคงได้ทานอาหารจีนแบบถูกๆแต่คับชาม แต่บางคนก็บอกว่าเกิดมาจากนักศึกษาจีนที่มาเรียนที่ญี่ปุ่นหัดทำทานกันเอง หน้าตาของจัมปงญี่ปุ่น
เครดิตภาพจาก Facebook : Yummy Adventure นะคะ
ส่วนจัมปงของเกาหลี .... แซ่บค่ะ แซ่บคักคัก เป็นตาแซ่บ อิหลีกะด้อกะเดี้ย
ทานของร้อนที่เผ็ดนี่เข้าขั้นน้ำตาซึมเลย
ใครว่าพริกแดง ๆ นี่ไม่เผ็ดอยากให้ได้ลองดูค่ะ ขนลุกซู่ ของทะเลที่ใส่มาจะเน้นหอยค่ะ สดสะอาดไม่เหม็นเลย
ของคุณครูกับพี่สาวสั่งเป็นหมี่ดำ
หรือที่เรียกว่าจาจังเหมี่ยน เป็นบะหมี่ราดน้ำสีดำ หวาน ๆ เค็ม ๆ อร่อย ใส่หอมหัวใหญ่
ทานข้าวกลางวันเสร็จ แอบมีง่วงนอนเล็ก ๆ ด้วยค่ะ
คุณครูให้เลือกสีว่าวันนี้จะใช้สีอะไร
สีแดงมาเลยค่ะเพราะว่าดอกคามิลเลียจะมีสีแดง สีขาว รู้จักมาตั้งแต่เด็กเพราะว่าชอบอ่านการ์ตูนญี่ปุ่น
เห็นเจ้าดอกนี้มาตั้งแต่ยังเป็นขาวดำ ครูผสมมาให้มีสีแดง สีม่วง สีชมพูฟิวเชีย
สีเหลือง สีมาครบก็จัดการบีบ บีบ และบีบ
บีบได้ครบตามจำนวนเราก็มาเริ่มจัดวางดอกไม้เล็ก ๆ
ที่น่าทะนุถนอมของเราลงไป สักพักงานก็เสร็จเรียบร้อย ริบบอนโรสเวลาที่อยู่บนคัพเค้กมันช่างดูน่ารักจริง ๆ
วิคตอเรียนโรสสีครีมและสีชมพูฟิวเชีย เจ้าสีชมพูฟิวเชียจริง ๆ ออกออกเป็นสีชมพูม่วง
ไม่รู้ว่าชื่อสีนี้มาจากสีของดอกฟิวเชียหรือว่าที่บ้านเราเรียกว่าดอกโคมญี่ปุ่นด้วยหรือเปล่านะคะ
ต่อไปเป็นดอกแอนีโมนี ดอกที่เห็นส่วนใหญ่จะมีสีขาว สีแดง สีเหลือง
แต่มีจุดเด่นที่ตรงกลางเกสรเป็นสีดำ
อันนี้เป็นดอกสตอค (Stalk) พยายามลองหาในกูเกิลดูแล้วก็ยังไม่เห็นมีดอกไหนที่หน้าตาประมาณนี้
หรือว่าจะเป็นดอกไม้ในจินตนาการ ใครที่พอจะรู้ก็ช่วยบอกมี๊ด้วยนะคะ
สำหรับคาร์เนชั่น ดอกไม้ที่ทำให้ปวดหัวในทิศทางการบีบของเธอก็ออกมาแบบไม่ทำให้มี๊ผิดหวัง แม้จะไม่ถูกต้องเป๊ะตามหลักการ
แต่ก็ออกมาได้แบบน่ารัก คาร์เนชั่นถูกใช้เป็นตัวแทนของดอกไม้ที่ให้กันวันแม่ในหลาย ๆ
ประเทศด้วยนะคะ
เนื่องจากว่าวันนี้เราได้บีบบนเค้กจริง ๆ คุณครูก็ได้เอาใส่กล่องให้กลับไปทานที่บ้านด้วย
... แต่ใครจะกล้าทาน 555 สรุปเจ้าคัพเค้กถูกแช่อยู่ในตู้เย็นจนถึงวันเดินทางกลับ
ภาพนี้เป็นของพี่สาวที่ไปเรียนด้วยกัน เป็นคนที่บีบกุหลาบสวยมาก นับถือ นับถือ
เรียนเสร็จก็เป็นเวลาที่น่าตื่นเต้นของสองป้า ...
ทุกวันตอนเรียนไม่ค่อยสนใจ มัวแต่คิดว่าวันนี้เราจะไปทานอะไรกันดี
ร้านนี้เล็งๆไว้ตั้งแต่วันที่ไปทานขนมเมื่อวาน ด้วยความที่มีรูปปลาหมึกยักษ์แปะไว้หน้าร้าน
มี๊เป็นคนชอบทานปลาหมึกจะพลาดได้เหรอ ไม่รู้ว่าอะไรแหละมีปลาหมึกก็ทานก่อน
ยิ่งเป็นหมึกชุบแป้งทอดนะ .... กรี๊ดเลย
เข้าไปที่ร้าน เด็กในร้านพูดอังกฤษไม่ได้ เอาละเหวยตรูจะทานอะไร
สั่งอะไร ดูเมนูก็มีแต่ภาษาเกาหลี งานนี้เลยอาศัยการจิ้ม
ร้านอาหารที่นี่ส่วนใหญ่หลาย ๆ ร้านจะไม่สามารถทานคนเดียวได้ ต้องมาเป็น 2 คน
จานนึงเค้าจะให้ทานด้วยกันโดยจะมีปริมาณอาหารมาพอดีสองคน เห็นรูปข้างบนมีใครเดาได้หรือยังคะว่าเป็นอะไร
ให้ดูอีกรูป
เฉลยค่ะ ...
อาหารจานนี้คือต๊อกโบกี ที่สาว ๆ หลาย ๆ คนชอบทานกัน
”ต๊อกโบกี (Tukbokki) 떡볶이ทำมาจากแป้งและนำมาผัดพร้อมราดด้วยซอส ซึ่งคำว่าต๊อก(떡)แปลว่า แป้งที่ทำจากข้าว ส่วนคำว่าโบกี(볶이)แปลว่า นำมาผัด ต๊อกโบกีเป็นอาหารว่างที่ได้รับความนิยมโดยทั่วไป ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านหรือรถเข็นริมทาง แต่เดิมเรียกว่าต๊อกจิมและยังสามารถนำมาใส่ในเค้กข้าว (rice cake) ได้ กลายเป็นต๊อกกุก(ซุปเค้กข้าว) ซึ่งจะนิยมรับประทานในวันขึ้นปีใหม่ด้วย”
”ต๊อกโบกี (Tukbokki) 떡볶이ทำมาจากแป้งและนำมาผัดพร้อมราดด้วยซอส ซึ่งคำว่าต๊อก(떡)แปลว่า แป้งที่ทำจากข้าว ส่วนคำว่าโบกี(볶이)แปลว่า นำมาผัด ต๊อกโบกีเป็นอาหารว่างที่ได้รับความนิยมโดยทั่วไป ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านหรือรถเข็นริมทาง แต่เดิมเรียกว่าต๊อกจิมและยังสามารถนำมาใส่ในเค้กข้าว (rice cake) ได้ กลายเป็นต๊อกกุก(ซุปเค้กข้าว) ซึ่งจะนิยมรับประทานในวันขึ้นปีใหม่ด้วย”
ข้อความในวงเล็บนำมาจาก http://www.meetawee.com/home/introduce-korea/1489-tukbokki.html
และก็จบไปอีกตอนแล้วนะคะ กับตอนที่ 2 เรื่องเรียนไม่ค่อยมีอะไร
ส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องกินมากกว่า ยิ่งอ่านไปยิ่งจะเห็นว่าตกลงมี๊ไปทำอะไรกันแน่ 555
ก็ทั้งเรียนทั้งกินค่ะ เสียดายตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะกลับมาเขียนบลอกอีกครั้ง
เลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูปอะไรมาให้ได้ดูบรรยากาศของเกาหลี ต้องขออภัยด้วยนะคะ
ไว้เจอกันตอนที่ 3 นะคะ
อ่านแล้วสนุกไปด้วยเลยค่าาาพี่เกด =D
ตอบลบขอบคุณมากเลยจ้า ^^ กำลังปั่นตอนที่ 3 นะคะ อาทิตย์หน้ามีงานยาวเลย
ลบอ่านแล้วเพลินสนุกค่ะ ขนมสวยมาก อาหารก็น่าอร่อยค่ะ^^
ตอบลบขอบคุณมากๆ เลยค่ะ อ่านเพลิน ๆ นะคะ
ลบขอบคุณคร้าบคุณครูเกด
ตอบลบขอบคุณค่ะเชฟบอล
ลบ