สวัสดีค่ะ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ
สี่ปีแล้วที่ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวในบลอกเลย ตอนนี่ได้โอกาสกลับมาอีกครั้ง หลายคนอาจจะได้เจอกันในเฟสบ้าง
ทั้งเฟสส่วนตัวและเพจ สำหรับใครที่อยากติดตามผลงานก็จะมีที่เพจนะคะ
อัพบ้างไม่อัพบ่อย อิอิ ถ้ายังไม่ได้ไปกดไลค์ก็สามารถไปกดไลค์ติดตามได้ที่https://www.facebook.com/ArtisanSweetbyKate
สำหรับอินสตาแกรมก็ @artisansweetbykate นะคะ
สำหรับอินสตาแกรมก็ @artisansweetbykate นะคะ
วันนี้จะเป็นเรื่องเล่าการไปเรียนที่เกาหลีนะคะ
ซึ่งไปมาเมื่อประมาณวันที่ 26 มิถุนายน – 3 กรกฎาคม 2558
ที่ผ่านมา
เลยรีบกลับมาเขียนก่อนที่จะลืม จากนั้นจะค่อย ๆ เอาผลงานที่ได้ทำมาในช่วงที่หายไป 4
ปีนี้มาเขียนให้อ่านกันนะคะ อ้อ... ตอนนี้มี๊เป็นแม่ลูกหนึ่งแล้วนะคะ
ช่วงที่หายไปก็ไปเลี้ยงลูกด้วยค่ะ ตอนนี้น้องอายุสามขวบแล้ว เลยขอแทนตัวจากเดิมว่า
“เกด” เป็น “มี๊” แทนนะคะ
ตอนนี้อาชีพหลักคือเป็นแม่บ้านรับส่งลูกทุกวันค่ะ
อาชีพเสริมก็จะเป็นครูสอนทำขนมและตกแต่งเค้ก มีเปิดคลาสทั้งที่เชียงใหม่และที่กทม.
สอนแล้วเราก็อยากที่จะหาความรู้เพิ่มเติมใช่ไหมคะ จึงได้ตัดสินใจไปลงเรียนคลาสบีบบัตเตอร์ครีมดอกไม้ที่เกาหลีค่ะ
ไปดูมาในไอจี ... ช่างยั่วยวนใจจริง ๆ
มี๊เลยลองคุยดูกับพี่สาวอีกคนที่มีความชอบในการเรียนเหมือนกัน และแล้วก็ได้แนวร่วม
ไม่ต้องเป็นหญิงไทยใจกล้าไปคนเดียว ป้าแก่แล้วกลัวหลงทาง เคยลองหัดทำเองแล้วไม่เหมือน ไม่หายข้องใจค่ะ เลยไปเรียนให้หายข้องใจ
ก่อนที่จะเรียนก็เริ่มหาข้อมูลการเรียนโดยการส่งอีเมลล์ไปถามครูที่เราสนใจค่ะ
ส่งไปประมาณ 8 ที่ ข้อมูลที่ได้มาก็จะมีราคา เวลาเรียน
สำหรับเรื่องของราคานั้นค่าสอนจะมีทั้งแบบให้จ่ายเป็นเงินวอนและเงินดอลล่าร์สหรัฐ
ราคาจะอยู่ที่ 3,000,000 – 6,500,000 วอน ... อุต๊ะ จ่ายค่าเรียนเป็นล้าน 555 จริง ๆ ก็หารด้วยสามสิบค่ะ จริง ๆ
ค่าเรียนจะมีตั้งแต่ล้านกว่าวอนด้วยนะคะ แต่ราคาที่ลงไว้เป็นราคาของ Basic
Class และ Master Class ค่ะ โดยเกือบทุกที่จะใช้เวลาเรียนตั้งแต่ 4-6
วันแล้วแต่การจัดการหลักสูตรของแต่ละที่
สำหรับที่มี๊เลือกลงเรียนคือ Mari Cake สถานที่สอนจะอยู่ที่เมือง
วอนจู เมืองนี้ห่างจากโซลประมาณ 145 กม. ใช้เวลาเดินทางโดยรถบัสจากสนามบินอินชอนไปเมืองวอนจูใช้เวลาประมาณ
2.5 – 3 ชั่วโมง เมื่อได้ที่เรียนแล้ว ก็เริ่มหาตั๋วเครื่องบิน
จากเชียงใหม่ไปโซลมีเที่ยวบินตรงเลยค่ะ ..... แต่ตารางเวลามี๊ไม่ได้เนื่องจากวันที่เดินทางกลับ
มี๊ต้องกลับมาทำเค้กแต่งงานส่งให้ลูกค้าในวันเสาร์ แต่ไฟลท์บินตรงโซล – เชียงใหม่คือวันพฤหัสซึ่งคือวันสุดท้ายที่มีเรียนพอดี
... เอายังไงละทีนี้ มี๊เลยพุ่งเป้าไปที่สายการบินแอร์เอเชีย เจ้าหางแดง แต่ว่าต้องบินจากเชียงใหม่ไป
กทม. ก่อน จากกทม. ก็ไปเกาหลี จริง ๆ นี่คืออ้อมเลย จากเชียงใหม่ไปโซลง่ายกว่าเยอะ
แถมราคาแพงกว่านิดหน่อยเอง ราคา เชียงใหม่-โซล(ไป-กลับ) 22,000 บาท ส่วนราคาตั๋ว
เชียงใหม่ – กทม. – โซล (ไป-กลับ) 18,000 บาท
แต่เพราะว่ามีงานที่ต้องกลับมาทำก็ต้องเลือกออพชั่นหลังได้เวลาเดินทางแล้วก็จัดการจองทุก
ๆ อย่าง
สิ่งที่ลืมไม่ได้แล้วต้องเตรียมล่วงหน้าคือ
อายุของพาสปอร์ตควรมีเหลือมากกว่า 6 เดือน การแลกเงิน การจัดกระเป๋าเดินทาง
ที่ขาดได้ได้คือหยูกยาบรรดามีที่ต้องใช้ นอกนั้นหาซื้อเอาได้ค่ะ
และเมื่อวันเดินทางมาถึง เครื่องออกจาก สนามบินดอนเมืองประมาณตีสองค่ะ
ของเช้าวันที่ 26 มิถุนายน 2558 มี๊เดินทางจากเชียงใหม่ประมาณ 4 ทุ่มมาถึงกทม.ก็ประมาณ
ห้าทุ่มนิด ๆ รับระเป๋าเสร็จก็เดินไปเชคอินที่กระเป๋าที่เคานท์เตอร์แอร์เอเชีย
น้ำหนักกระเป๋า 18 กก. อืม ... ทำน้ำหนักได้ดีเยี่ยมอยู่ในเกณฑ์
ซื้อน้ำหนักของแอร์เอเชียขาไปที่ 20 กก. ขากลับ 40 กก.
การเชคอินการโหลดกระเป๋าทำไปได้โดยราบรื่น ไม่มีปัญหา
ผ่านด่านตำรวจตรวจคนเข้าเมืองก็สบาย ๆ เพราะว่ากรอกเอกสารไว้เรียบร้อยทั้งขาไปขากลับ
นั่งพักชิล ๆ ดื่มชาเขียวและบานอฟฟี่พายก่อนออกเดินทาง
เวลาบินจะอยู่ที่ประมาณ 5 ชั่วโมง ออกจากกทม. บินตรงไปทางจังหวัดอุบลราขธานี
บินสู่ฮ่องกง ผ่านไต้หวันและบินเข้าสู่เกาหลีใต้ เครื่องบินที่มาจากไทยจะลงที่สนามบินอินชอนฝั่ง
Concourse A ต้องนั่งรถไฟของสนามบินเข้ามาที่อีกฝั่งหนึ่ง เราสามารถเดินตามป้ายได้เลยค่ะ ตอนแรกก็กลัว ๆ
นิดนึงสำหรับการเดินทางเข้าเกาหลี เพราะว่าเป็นครั้งแรกที่มาและเดินทางคนเดียว การมาเที่ยวเกาหลีนั้นประเทศไทยไม่จำเป็นต้องขอวีซ่านะคะ
สามารถพักอยู่ในเกาหลีใต้ได้ประมาณ 90 วัน แต่ถึงอย่างนั้นก็สามารถปฏิเสธการเข้าเมืองได้ เกาหลีเองก็ค่อนข้างเข้มงวดกับคนไทย
เพราะว่ามีคนไทยที่เข้าไปทำงานอย่างผิดกฎหมาย
พอเดินเข้าตรงที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง ก็จะเข้าแถว เค้าจะมีคอยจัดคิวให้เราเดินไปตามช่องต่าง
ๆ ที่ว่างนะคะ ไม่ต้องไปออกัน คนก่อนหน้าเป็นน้องผู้หญิงสองคน สัมภาษณ์ปุ๊บโดนให้ออกจากที่ตรวจไปคุยต่อที่ห้องอีกห้องทางด้านซ้ายมือเลย
อ้าวเฮ้ย .... ทำไงวะ มี๊คิดในใจว่าโดนส่งกลับนี่ตายเลย
และแล้วก็ถึงคิว โดนพาเข้าไปที่ช่องตรวจ คนตรวจเป็นผู้ชาย ใจเต้นตึกตักว่า
จะโดนส่งกลับไหม
ตม.เกาหลี : Where are you from?
มี๊ : Chiangmai, Thailand (เตรียมพร้อมจะหยิบเอกสารต่างๆ ที่เตรียมไว้
เช่นเอกสารเที่ยวบินขากลับ รายละเอียดการเดินทาง ใบจองโรงแรม บัตรเครดิต เงินสดและอื่น
ๆ )
ตม.เกาหลี : Touch your fingers (สั่งให้เอานิ้วทาบที่สแกนลายนิ้วมือ)
จากนั้นก็ปั๊มตราผ่านเข้าเมืองให้ดังปึ๊ง
มี๊ : อ้าว .... ง่ายเยี่ยงนี้เลยหรือท่าน พร้อมกับเดินออกไปรับกระเป๋าอย่าง
งงๆ
เดินออกมาจากส่วนรับกระเป๋าแล้วก็มาเจอกับพี่สาวที่จะมาเรียนด้วยกัน
มาคนละสายการบินค่ะ มี๊เล่าให้ฟังเรื่องตม.
พี่สาวพูดแบบขำๆว่า ก็เธอนะแก่แล้ว แถมอ้วนใครจะส่งกลับยะ
เข้ามาก็ประกอบอาชีพอย่างนั้นไม่ได้ 5555 ...... อุต๊ะ
มันก็จริง เอิ๊กๆๆๆ
จากนั้นก็เริ่มเดินทางเข้าสู่เมืองจูวอนด้วยรถบัสค่ะ
เบาะที่นั่งกว้างใหญ่ ไม่มีรูปนะคะ ฟังคำบรรยายเอาแทนละกัน นั่งรถประมาณ 3 ชั่วโมงค่ะ ทางเป็นภูเขา
อากาศเย็นสบาย ประมาณ 25 องศาเซลเซียส ถึงจุดหมายแล้วก็เดินทางไปโรงแรม
ซึ่งห่างประมาณ 1 กม. เดินลากกระเป๋าไปสองคน ทางแอบเป็นทางชัน ไปถึงที่โรงแรมประมาณบ่ายโมง
โรงแรมให้เชคอินได้ตอนบ่ายสอง
ก็เลยฝากกระเป๋าไว้แล้วเดินไปชมเมือง ดีที่มีห้างอยู่ใกล้ๆ เดินสำรวจไปเรื่อย ๆ ซื้อน้ำทาน แถว ๆ
นั้นมีร้านอาหรให้เลือกหลายอย่างเลย เดินเข้าไปในห้าง ขึ้น ๆ ลง ๆ จนกระทั่งไปถึง Lotte
Mart โอว....
สวรรค์สำหรับคุณแม่บ้านเลยค่ะ ซุปเปอร์มาร์เกตของเยอะ ผลไม้เอย ขนม
เอย
ตรงที่ Lotte Mart มีร้านอาหารในฟู๊ดคอร์ท มีอาหารหลาย ๆ
ร้านให้เลือก มีเมนูอาหารเป็นของปั้นให้เราเห็น พร้อมราคา เราก็เดินไปจ่ายเงิน
เค้าจะให้เบอร์มาพออาหารเสร็จ ก็จะขึ้นหมายเลขให้เราไปรับอาหาร วันนี้สองสาวทาน
บิบิมบับแบบจานร้อนก่อนเลยค่ะ ....
อร่อยค่ะ ปกติเป็นคนทานอาหารเกาหลีประจำอยู่แล้ว มันช่างสุขใจเสียจริง ๆ
เนื้อจะเป็นเนื้อวัวนะคะ หลังจากนั้นก็ซื้อข้าวซื้อของกลับไปที่โรงแรมค่ะ
มีนัดเรียนโดยคุณครูจะมารับที่โรงแรมตอน 8.30 น. ..... นอนค่ะนอน จบวันที่ 1
ของการเดินทาง
โรงแรมที่ไปพักเป็น Business Hotel นะคะ
จะมีอาหารเช้าให้เราทานด้วย ... ราคารวมอยู่ในค่าที่พักหมดแล้ว ตื่นเช้ามากองทัพต้องเดินด้วยท้อง กับข้าวจะมีให้ 2 อย่าง ซุป 1
อย่าง
สลัด กิมจิอีกประมาณ 2-3 ชนิด กาแฟ นม คอร์นเฟลค ขนมปังปิ้ง แยมและเนย
วันนี้เริ่มกับข้าวเช้าที่เป็นข้าวเลยค่ะ ซุปเป็นซุปเนื้อรสชาติเผ็ดนิด ๆ
มีปลาย่าง ยำปลาเล็กปลาน้อย ..... อร่อย
ทานข้าวเสร็จลงมาก็เจอกับคุณครู .... ขับรถจากที่โรงแรมไปที่เรียนประมาณ
15 นาที ก็ถึงที่สตูดิโอของครู น่ารักมากๆๆๆ ภาพที่ลงเป็นแบบพาโนรามานะคะ
มีตู้เย็นสำหรับใส่เค้ก ให้ทางลูกค้าเป็นคนเลือก มันน่ารัก สวย ๆ ทุก
ๆ แบบเลยค่ะ
ทำให้อยากมีหน้าร้านแบบนี้บ้างจัง
สำหรับวันนี้เราจะเรียนการบีบดอกไม้ 3 ชนิดนะคะ
กุหลาบ, Wild rose, Apple Blossom การบีบกุหลาบสไตล์เกาหลีจะแตกต่างกับสไตล์ไทยที่เกดสอนนะคะ
คือเป็นการบีบเข้าหาตัว ถ้าของไทยจะบีบออกจากตัวค่ะ .... ฮึ่ย !!! ต้องปรับจูนสมองใหม่หมดเลย ปกติเวลาทำ มี๊จะบีบแบบไม่ต้องคิด
ไม่ต้องท่องจำค่ะ แต่นี่ไม่ใช่ ต้องมีสติกับการบีบอยู่ตลอดเวลา ครีมที่ใช้ฝึกก็จะเป็นครีมจริงที่เราจะให้บีบบ่ายนี้
.... ครีมที่นี่จะใช้เป็น อิตาเลีนเมอร์แรงก์บัตเตอร์ครีมค่ะ
ไม่มีส่วนผสมของเนยขาวเลย ครูสอนให้ตีครีม
ปกติช่วงหลังในคลาสที่เชียงใหม่ มี๊ก็จะให้นักเรียนตีบัตเตอร์ครีมเป็นแบบอิตาเลียนเมอร์แรงก์
แต่ตอนที่ฝึกก็ยังคงให้เป็นเนยขาว เพราะว่าบ้านเราค่อนข้างร้อน บีบไปครีมละลายไป
เริ่มจากการบีบกุหลาบ ดอกบนสุดเป็นของครูค่ะ ดอกต่อ ๆ มาเรื่อย ๆ
เป็นของมี๊ 555 ดูไม่จืดจริง
ๆ ค่ะ
พอกุหลาบดูว่าพอจะได้ก็จะเป็น Apple Blossom ค่ะและดอกสุดท้ายของวันนี้จะเป็น
Wild rose
พอถึงตรงนี้ก็เป็นเวลาบ่ายได้เวลาอาหารกลางวันของวันแรกแล้ว นี่เลยฮะ
.... ข้าวกับแกงกิมจิ รสชาติเปรี้ยว เค็ม เผ็ด ครบรสเลยค่ะ
อาหารที่นี่จะห่อจานชามมาด้วยพลาสติคแรปใส่กล่องพลาสติคมาส่งถึงที่
ราคาโดยทั่วไปจะเริ่มที่ 6,000 วอน ชามใหญ่มากเรียกได้ว่าทานสองคนยังอิ่มเลย
ทานข้าวเสร็จก็เริ่มมาผสมสี ... สีครูจะเป็นคนผสมให้ค่ะ
แต่ก็จะเรียกไปดู
และก็เริ่มบีบ ๆ ....
ทำให้ได้ในจำนวนที่ครูกำหนด
บีบดีบ้างไม่ดีบ้างก็ไม่ต้องตกใจ ... มี๊มักจะพูดตอนที่สอนนักเรียนว่า
ดอกไม้ให้มาอยู่รวม ๆ กันก็สวย ไม่จำเป็นต้องเพอร์เฟคทุกดอก
ถึงตอนนี้ก็ได้เอาคำพูดนี้มาเป็นแรงปลอบใจตัวเอง 555
จากนั้นก็เริ่มทำการจัดวางให้เป็นรูปโค้งพระจันทร์ บีบใบ บีบดอกตูม
และในที่สุดก็สำเร็จเรียบร้อย ออกมาสวยทั้งสองคนเลยค่ะ ปลื้มๆๆๆ
เรียนเสร็จสองสาวก็ไปหาอะไรทานค่ะ
อยากทานขนมกันก็เลยสั่งเป็นโรลเค้กชาเขียวและชอคโกแลต กาแฟ และน้ำมันญี่ปุ่นค่ะ
มี๊สั่งเป็นน้ำมันญี่ปุ่น .. แปลกดี มีเนื้อของมันผสมมาให้ด้วยค่ะ
โรลเค้กนุ่ม ครีมเป็นครีมสด ไม่หวานมาก
แต่เปอร์เซนต์ไขมันนี่เต็ม ๆ เลยค่ะ ได้รสของความมันแบบเข้มข้นมาก ทานเสร็จก็เดินไปที่ Lotte Mart ที่เดิมซื้อน้ำ ซื้อส้มแล้วก็เดินกลับที่พัก
ข้าวเย็นไม่ทานค่ะวันนี้อิ่มขนม
จบตอนที่ 1 แล้วนะคะสำหรับตอนแรกของการไปเรียนที่เกาหลีในครั้งนี้ ที่ไม่สามารถลืมขอบคุณไม่ได้เลยคือ สามี
ที่ได้ให้ทั้งเงินทุน กำลังใจ ติชมผลงาน ช่วยดูแลรับส่งลูก ในช่วงที่มี๊ไม่ได้อยู่ที่เมืองไทย
ขอบคุณเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่ให้กำลังใจ คอยถามไถ่ คอยฟังปัญหาว่าบีบไม่ได้ 555
ถามว่าอยู่ดีมีสุขไหม
โรคเมอร์สเป็นยังไงบ้าง สถาณการณ์ดีหรือเปล่า ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ
รอติดตามตอนต่อไปค่ะ
ตอบลบขอบคุณมากนะคะที่ติดตามอ่าน ^^
ลบรออ่านตอนต่อไปนะคะ ชื่นชมพี่เกดเสมอค่า =)
ตอบลบPiano
ตอนที่ 2 มาแล้วจ้า http://artisansweetbykate.blogspot.com/2015/07/korea-trip-2.html
ลบงานสวย และดีใจที่คุณครูเลือกที่นี่ครับ ผมว่าผลงานเค้าสุดๆ เลยครับ
ตอบลบใจจริง อยากเลือกของอีกสองที่ค่ะ แต่เกินงบค่ะ ใจจริงอยากไปเรียนของ Kissthecake ค่ะเชฟบอล ราคาที่นั่นแพงกว่าที่นี่่เกือบสองเท่า ^^" .... ขอเก็บเงินไว้เป็นค่าเทอมให้ลูกก่อนดีกว่าค่ะ ยังเล็กใช้เงินเยอะ
ลบครีมที่ใช้เวลาหัดบีบที่คุณเกดว่าใส่เนยขาว มีสูตรที่มั้ยค่ะ อยากจะลองหัดบีบบ้าง แต่ลองใช้บัตเตอร์ครีมบีบแล้ว มันเหลวจริงๆ
ตอบลบ