9/7/58

+++ Korea Trip ... การไปเรียนบีบบัตเตอร์ครีมดอกไม้สไตล์เกาหลี ตอนที่ 1 +++

สวัสดีค่ะ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ สี่ปีแล้วที่ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวในบลอกเลย ตอนนี่ได้โอกาสกลับมาอีกครั้ง หลายคนอาจจะได้เจอกันในเฟสบ้าง ทั้งเฟสส่วนตัวและเพจ สำหรับใครที่อยากติดตามผลงานก็จะมีที่เพจนะคะ อัพบ้างไม่อัพบ่อย อิอิ  ถ้ายังไม่ได้ไปกดไลค์ก็สามารถไปกดไลค์ติดตามได้ที่https://www.facebook.com/ArtisanSweetbyKate
สำหรับอินสตาแกรมก็ @artisansweetbykate นะคะ


วันนี้จะเป็นเรื่องเล่าการไปเรียนที่เกาหลีนะคะ ซึ่งไปมาเมื่อประมาณวันที่ 26 มิถุนายน – 3 กรกฎาคม 2558 ที่ผ่านมา เลยรีบกลับมาเขียนก่อนที่จะลืม จากนั้นจะค่อย ๆ เอาผลงานที่ได้ทำมาในช่วงที่หายไป 4 ปีนี้มาเขียนให้อ่านกันนะคะ  อ้อ... ตอนนี้มี๊เป็นแม่ลูกหนึ่งแล้วนะคะ ช่วงที่หายไปก็ไปเลี้ยงลูกด้วยค่ะ ตอนนี้น้องอายุสามขวบแล้ว เลยขอแทนตัวจากเดิมว่า เกดเป็น  มี๊ แทนนะคะ
ตอนนี้อาชีพหลักคือเป็นแม่บ้านรับส่งลูกทุกวันค่ะ อาชีพเสริมก็จะเป็นครูสอนทำขนมและตกแต่งเค้ก มีเปิดคลาสทั้งที่เชียงใหม่และที่กทม. สอนแล้วเราก็อยากที่จะหาความรู้เพิ่มเติมใช่ไหมคะ จึงได้ตัดสินใจไปลงเรียนคลาสบีบบัตเตอร์ครีมดอกไม้ที่เกาหลีค่ะ ไปดูมาในไอจี ... ช่างยั่วยวนใจจริง ๆ มี๊เลยลองคุยดูกับพี่สาวอีกคนที่มีความชอบในการเรียนเหมือนกัน  และแล้วก็ได้แนวร่วม ไม่ต้องเป็นหญิงไทยใจกล้าไปคนเดียว ป้าแก่แล้วกลัวหลงทาง เคยลองหัดทำเองแล้วไม่เหมือน ไม่หายข้องใจค่ะ เลยไปเรียนให้หายข้องใจ




ก่อนที่จะเรียนก็เริ่มหาข้อมูลการเรียนโดยการส่งอีเมลล์ไปถามครูที่เราสนใจค่ะ ส่งไปประมาณ 8 ที่ ข้อมูลที่ได้มาก็จะมีราคา เวลาเรียน สำหรับเรื่องของราคานั้นค่าสอนจะมีทั้งแบบให้จ่ายเป็นเงินวอนและเงินดอลล่าร์สหรัฐ ราคาจะอยู่ที่ 3,000,000 – 6,500,000 วอน ... อุต๊ะ จ่ายค่าเรียนเป็นล้าน 555  จริง ๆ ก็หารด้วยสามสิบค่ะ จริง ๆ ค่าเรียนจะมีตั้งแต่ล้านกว่าวอนด้วยนะคะ แต่ราคาที่ลงไว้เป็นราคาของ Basic Class และ Master Class ค่ะ โดยเกือบทุกที่จะใช้เวลาเรียนตั้งแต่ 4-6 วันแล้วแต่การจัดการหลักสูตรของแต่ละที่

สำหรับที่มี๊เลือกลงเรียนคือ Mari Cake สถานที่สอนจะอยู่ที่เมือง วอนจู เมืองนี้ห่างจากโซลประมาณ 145 กม. ใช้เวลาเดินทางโดยรถบัสจากสนามบินอินชอนไปเมืองวอนจูใช้เวลาประมาณ 2.5 – 3 ชั่วโมง เมื่อได้ที่เรียนแล้ว ก็เริ่มหาตั๋วเครื่องบิน จากเชียงใหม่ไปโซลมีเที่ยวบินตรงเลยค่ะ ..... แต่ตารางเวลามี๊ไม่ได้เนื่องจากวันที่เดินทางกลับ มี๊ต้องกลับมาทำเค้กแต่งงานส่งให้ลูกค้าในวันเสาร์ แต่ไฟลท์บินตรงโซล – เชียงใหม่คือวันพฤหัสซึ่งคือวันสุดท้ายที่มีเรียนพอดี ... เอายังไงละทีนี้ มี๊เลยพุ่งเป้าไปที่สายการบินแอร์เอเชีย เจ้าหางแดง แต่ว่าต้องบินจากเชียงใหม่ไป กทม. ก่อน จากกทม. ก็ไปเกาหลี จริง ๆ นี่คืออ้อมเลย จากเชียงใหม่ไปโซลง่ายกว่าเยอะ แถมราคาแพงกว่านิดหน่อยเอง ราคา เชียงใหม่-โซล(ไป-กลับ) 22,000 บาท ส่วนราคาตั๋ว เชียงใหม่ – กทม. – โซล (ไป-กลับ) 18,000 บาท  แต่เพราะว่ามีงานที่ต้องกลับมาทำก็ต้องเลือกออพชั่นหลังได้เวลาเดินทางแล้วก็จัดการจองทุก ๆ อย่าง  
สิ่งที่ลืมไม่ได้แล้วต้องเตรียมล่วงหน้าคือ อายุของพาสปอร์ตควรมีเหลือมากกว่า 6 เดือน การแลกเงิน การจัดกระเป๋าเดินทาง ที่ขาดได้ได้คือหยูกยาบรรดามีที่ต้องใช้ นอกนั้นหาซื้อเอาได้ค่ะ

และเมื่อวันเดินทางมาถึง เครื่องออกจาก สนามบินดอนเมืองประมาณตีสองค่ะ ของเช้าวันที่ 26 มิถุนายน 2558 มี๊เดินทางจากเชียงใหม่ประมาณ 4 ทุ่มมาถึงกทม.ก็ประมาณ ห้าทุ่มนิด ๆ รับระเป๋าเสร็จก็เดินไปเชคอินที่กระเป๋าที่เคานท์เตอร์แอร์เอเชีย น้ำหนักกระเป๋า 18 กก. อืม ... ทำน้ำหนักได้ดีเยี่ยมอยู่ในเกณฑ์ ซื้อน้ำหนักของแอร์เอเชียขาไปที่ 20 กก. ขากลับ 40 กก. การเชคอินการโหลดกระเป๋าทำไปได้โดยราบรื่น ไม่มีปัญหา ผ่านด่านตำรวจตรวจคนเข้าเมืองก็สบาย ๆ เพราะว่ากรอกเอกสารไว้เรียบร้อยทั้งขาไปขากลับ นั่งพักชิล ๆ ดื่มชาเขียวและบานอฟฟี่พายก่อนออกเดินทาง


เวลาบินจะอยู่ที่ประมาณ 5 ชั่วโมง ออกจากกทม. บินตรงไปทางจังหวัดอุบลราขธานี บินสู่ฮ่องกง ผ่านไต้หวันและบินเข้าสู่เกาหลีใต้ เครื่องบินที่มาจากไทยจะลงที่สนามบินอินชอนฝั่ง Concourse A ต้องนั่งรถไฟของสนามบินเข้ามาที่อีกฝั่งหนึ่ง เราสามารถเดินตามป้ายได้เลยค่ะ  ตอนแรกก็กลัว ๆ นิดนึงสำหรับการเดินทางเข้าเกาหลี เพราะว่าเป็นครั้งแรกที่มาและเดินทางคนเดียว การมาเที่ยวเกาหลีนั้นประเทศไทยไม่จำเป็นต้องขอวีซ่านะคะ สามารถพักอยู่ในเกาหลีใต้ได้ประมาณ 90 วัน แต่ถึงอย่างนั้นก็สามารถปฏิเสธการเข้าเมืองได้  เกาหลีเองก็ค่อนข้างเข้มงวดกับคนไทย เพราะว่ามีคนไทยที่เข้าไปทำงานอย่างผิดกฎหมาย


พอเดินเข้าตรงที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง ก็จะเข้าแถว เค้าจะมีคอยจัดคิวให้เราเดินไปตามช่องต่าง ๆ ที่ว่างนะคะ ไม่ต้องไปออกัน คนก่อนหน้าเป็นน้องผู้หญิงสองคน สัมภาษณ์ปุ๊บโดนให้ออกจากที่ตรวจไปคุยต่อที่ห้องอีกห้องทางด้านซ้ายมือเลย อ้าวเฮ้ย .... ทำไงวะ มี๊คิดในใจว่าโดนส่งกลับนี่ตายเลย
และแล้วก็ถึงคิว โดนพาเข้าไปที่ช่องตรวจ คนตรวจเป็นผู้ชาย ใจเต้นตึกตักว่า จะโดนส่งกลับไหม

ตม.เกาหลี : Where are you from?
มี๊ : Chiangmai, Thailand (เตรียมพร้อมจะหยิบเอกสารต่างๆ ที่เตรียมไว้ เช่นเอกสารเที่ยวบินขากลับ รายละเอียดการเดินทาง ใบจองโรงแรม บัตรเครดิต เงินสดและอื่น ๆ )
ตม.เกาหลี : Touch your fingers (สั่งให้เอานิ้วทาบที่สแกนลายนิ้วมือ) จากนั้นก็ปั๊มตราผ่านเข้าเมืองให้ดังปึ๊ง
มี๊ : อ้าว .... ง่ายเยี่ยงนี้เลยหรือท่าน พร้อมกับเดินออกไปรับกระเป๋าอย่าง งงๆ

เดินออกมาจากส่วนรับกระเป๋าแล้วก็มาเจอกับพี่สาวที่จะมาเรียนด้วยกัน มาคนละสายการบินค่ะ  มี๊เล่าให้ฟังเรื่องตม. พี่สาวพูดแบบขำๆว่า ก็เธอนะแก่แล้ว แถมอ้วนใครจะส่งกลับยะ เข้ามาก็ประกอบอาชีพอย่างนั้นไม่ได้ 5555  ...... อุต๊ะ มันก็จริง เอิ๊กๆๆๆ


จากนั้นก็เริ่มเดินทางเข้าสู่เมืองจูวอนด้วยรถบัสค่ะ เบาะที่นั่งกว้างใหญ่ ไม่มีรูปนะคะ ฟังคำบรรยายเอาแทนละกัน นั่งรถประมาณ 3 ชั่วโมงค่ะ ทางเป็นภูเขา อากาศเย็นสบาย ประมาณ 25 องศาเซลเซียส ถึงจุดหมายแล้วก็เดินทางไปโรงแรม ซึ่งห่างประมาณ 1 กม. เดินลากกระเป๋าไปสองคน ทางแอบเป็นทางชัน ไปถึงที่โรงแรมประมาณบ่ายโมง  โรงแรมให้เชคอินได้ตอนบ่ายสอง ก็เลยฝากกระเป๋าไว้แล้วเดินไปชมเมือง ดีที่มีห้างอยู่ใกล้ๆ  เดินสำรวจไปเรื่อย ๆ ซื้อน้ำทาน แถว ๆ นั้นมีร้านอาหรให้เลือกหลายอย่างเลย เดินเข้าไปในห้าง ขึ้น ๆ ลง ๆ จนกระทั่งไปถึง Lotte Mart โอว....  สวรรค์สำหรับคุณแม่บ้านเลยค่ะ ซุปเปอร์มาร์เกตของเยอะ ผลไม้เอย ขนม
เอย 





ตรงที่ Lotte Mart มีร้านอาหารในฟู๊ดคอร์ท มีอาหารหลาย ๆ ร้านให้เลือก มีเมนูอาหารเป็นของปั้นให้เราเห็น พร้อมราคา เราก็เดินไปจ่ายเงิน เค้าจะให้เบอร์มาพออาหารเสร็จ ก็จะขึ้นหมายเลขให้เราไปรับอาหาร วันนี้สองสาวทาน บิบิมบับแบบจานร้อนก่อนเลยค่ะ ....  อร่อยค่ะ ปกติเป็นคนทานอาหารเกาหลีประจำอยู่แล้ว มันช่างสุขใจเสียจริง ๆ เนื้อจะเป็นเนื้อวัวนะคะ หลังจากนั้นก็ซื้อข้าวซื้อของกลับไปที่โรงแรมค่ะ มีนัดเรียนโดยคุณครูจะมารับที่โรงแรมตอน 8.30 น. .....  นอนค่ะนอน จบวันที่ 1 ของการเดินทาง




โรงแรมที่ไปพักเป็น Business Hotel นะคะ จะมีอาหารเช้าให้เราทานด้วย ... ราคารวมอยู่ในค่าที่พักหมดแล้ว  ตื่นเช้ามากองทัพต้องเดินด้วยท้อง  กับข้าวจะมีให้ 2 อย่าง ซุป 1 อย่าง สลัด กิมจิอีกประมาณ 2-3 ชนิด กาแฟ นม คอร์นเฟลค ขนมปังปิ้ง แยมและเนย วันนี้เริ่มกับข้าวเช้าที่เป็นข้าวเลยค่ะ ซุปเป็นซุปเนื้อรสชาติเผ็ดนิด ๆ มีปลาย่าง ยำปลาเล็กปลาน้อย  .....  อร่อย


ทานข้าวเสร็จลงมาก็เจอกับคุณครู .... ขับรถจากที่โรงแรมไปที่เรียนประมาณ 15 นาที ก็ถึงที่สตูดิโอของครู น่ารักมากๆๆๆ ภาพที่ลงเป็นแบบพาโนรามานะคะ



มีตู้เย็นสำหรับใส่เค้ก ให้ทางลูกค้าเป็นคนเลือก มันน่ารัก สวย ๆ ทุก ๆ แบบเลยค่ะ  ทำให้อยากมีหน้าร้านแบบนี้บ้างจัง


สำหรับวันนี้เราจะเรียนการบีบดอกไม้ 3 ชนิดนะคะ กุหลาบ, Wild rose, Apple Blossom การบีบกุหลาบสไตล์เกาหลีจะแตกต่างกับสไตล์ไทยที่เกดสอนนะคะ คือเป็นการบีบเข้าหาตัว ถ้าของไทยจะบีบออกจากตัวค่ะ .... ฮึ่ย !!!  ต้องปรับจูนสมองใหม่หมดเลย ปกติเวลาทำ มี๊จะบีบแบบไม่ต้องคิด ไม่ต้องท่องจำค่ะ แต่นี่ไม่ใช่ ต้องมีสติกับการบีบอยู่ตลอดเวลา ครีมที่ใช้ฝึกก็จะเป็นครีมจริงที่เราจะให้บีบบ่ายนี้ .... ครีมที่นี่จะใช้เป็น อิตาเลีนเมอร์แรงก์บัตเตอร์ครีมค่ะ ไม่มีส่วนผสมของเนยขาวเลย ครูสอนให้ตีครีม
ปกติช่วงหลังในคลาสที่เชียงใหม่ มี๊ก็จะให้นักเรียนตีบัตเตอร์ครีมเป็นแบบอิตาเลียนเมอร์แรงก์ แต่ตอนที่ฝึกก็ยังคงให้เป็นเนยขาว เพราะว่าบ้านเราค่อนข้างร้อน บีบไปครีมละลายไป

เริ่มจากการบีบกุหลาบ ดอกบนสุดเป็นของครูค่ะ ดอกต่อ ๆ มาเรื่อย ๆ เป็นของมี๊ 555  ดูไม่จืดจริง ๆ ค่ะ



พอกุหลาบดูว่าพอจะได้ก็จะเป็น Apple Blossom ค่ะและดอกสุดท้ายของวันนี้จะเป็น Wild rose




พอถึงตรงนี้ก็เป็นเวลาบ่ายได้เวลาอาหารกลางวันของวันแรกแล้ว นี่เลยฮะ .... ข้าวกับแกงกิมจิ รสชาติเปรี้ยว เค็ม เผ็ด ครบรสเลยค่ะ อาหารที่นี่จะห่อจานชามมาด้วยพลาสติคแรปใส่กล่องพลาสติคมาส่งถึงที่ ราคาโดยทั่วไปจะเริ่มที่ 6,000 วอน ชามใหญ่มากเรียกได้ว่าทานสองคนยังอิ่มเลย


ทานข้าวเสร็จก็เริ่มมาผสมสี ... สีครูจะเป็นคนผสมให้ค่ะ แต่ก็จะเรียกไปดู



และก็เริ่มบีบ ๆ  .... ทำให้ได้ในจำนวนที่ครูกำหนด


บีบดีบ้างไม่ดีบ้างก็ไม่ต้องตกใจ ... มี๊มักจะพูดตอนที่สอนนักเรียนว่า ดอกไม้ให้มาอยู่รวม ๆ กันก็สวย ไม่จำเป็นต้องเพอร์เฟคทุกดอก  ถึงตอนนี้ก็ได้เอาคำพูดนี้มาเป็นแรงปลอบใจตัวเอง 555


จากนั้นก็เริ่มทำการจัดวางให้เป็นรูปโค้งพระจันทร์ บีบใบ บีบดอกตูม และในที่สุดก็สำเร็จเรียบร้อย ออกมาสวยทั้งสองคนเลยค่ะ ปลื้มๆๆๆ




เรียนเสร็จสองสาวก็ไปหาอะไรทานค่ะ อยากทานขนมกันก็เลยสั่งเป็นโรลเค้กชาเขียวและชอคโกแลต กาแฟ และน้ำมันญี่ปุ่นค่ะ





มี๊สั่งเป็นน้ำมันญี่ปุ่น .. แปลกดี มีเนื้อของมันผสมมาให้ด้วยค่ะ


โรลเค้กนุ่ม ครีมเป็นครีมสด ไม่หวานมาก แต่เปอร์เซนต์ไขมันนี่เต็ม ๆ เลยค่ะ ได้รสของความมันแบบเข้มข้นมาก ทานเสร็จก็เดินไปที่ Lotte Mart ที่เดิมซื้อน้ำ ซื้อส้มแล้วก็เดินกลับที่พัก ข้าวเย็นไม่ทานค่ะวันนี้อิ่มขนม



จบตอนที่ 1 แล้วนะคะสำหรับตอนแรกของการไปเรียนที่เกาหลีในครั้งนี้  ที่ไม่สามารถลืมขอบคุณไม่ได้เลยคือ สามี ที่ได้ให้ทั้งเงินทุน กำลังใจ ติชมผลงาน ช่วยดูแลรับส่งลูก ในช่วงที่มี๊ไม่ได้อยู่ที่เมืองไทย ขอบคุณเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่ให้กำลังใจ คอยถามไถ่ คอยฟังปัญหาว่าบีบไม่ได้ 555 ถามว่าอยู่ดีมีสุขไหม โรคเมอร์สเป็นยังไงบ้าง สถาณการณ์ดีหรือเปล่า ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ


7 ความคิดเห็น:

  1. รอติดตามตอนต่อไปค่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอบคุณมากนะคะที่ติดตามอ่าน ^^

      ลบ
  2. รออ่านตอนต่อไปนะคะ ชื่นชมพี่เกดเสมอค่า =)

    Piano

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ตอนที่ 2 มาแล้วจ้า http://artisansweetbykate.blogspot.com/2015/07/korea-trip-2.html

      ลบ
  3. งานสวย และดีใจที่คุณครูเลือกที่นี่ครับ ผมว่าผลงานเค้าสุดๆ เลยครับ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ใจจริง อยากเลือกของอีกสองที่ค่ะ แต่เกินงบค่ะ ใจจริงอยากไปเรียนของ Kissthecake ค่ะเชฟบอล ราคาที่นั่นแพงกว่าที่นี่่เกือบสองเท่า ^^" .... ขอเก็บเงินไว้เป็นค่าเทอมให้ลูกก่อนดีกว่าค่ะ ยังเล็กใช้เงินเยอะ

      ลบ
  4. ครีมที่ใช้เวลาหัดบีบที่คุณเกดว่าใส่เนยขาว มีสูตรที่มั้ยค่ะ อยากจะลองหัดบีบบ้าง แต่ลองใช้บัตเตอร์ครีมบีบแล้ว มันเหลวจริงๆ

    ตอบลบ